
บทเรียนโครงการชุมชนน่าอยู่: โมเดล รพ.สต.บ้านท่าไม้แดง พื้นที่บ้านท่าไม้แดง ม.3 จ.ตาก
บทเรียนการดำเนินงานของกลไกการดำเนินงานโครงการชุมชนน่าอยู่ โมเดล รพ.สต.บ้านท่าไม้แดง
พื้นที่โครงการชุมชนน่าอยู่บ้านท่าไม้แดง หมู่ 3 ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
โดย นางสาวปาณิสรา แก้วบุญธรรม
ทีมสนับสนุนวิชาการ หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ
1.บริบทของพื้นที่ (คล้ายหลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ที่มาของปัญหาพื้นที่)
บ้านท่าไม้แดง มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับแม่น้ำปิงและเป็นที่ราบลุ่ม ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองตากประมาณ 12 กิโลเมตร อาณาเขต ทิศเหนือติดกับหมู่ 4 บ้านวังหิน ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ทิศใต้ติดกับหมู่ 2 บ้านไร่ ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ทิศตะวันออกติดกับหมู่ 13 บ้านตลุกสัก ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก ทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำปิง จำนวนประชากรที่อาศัยทั้งหมด 920 คน ชาย 444 คน หญิง 476 คน จำนวนครัวเรือน 310 ครัวเรือน ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนา พุทธ ภาษา ที่ใช้คือ ภาษาไทย มีหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง วัด 1 แห่ง ด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค มีถนนสายหลักคอนกรีตเสริมเหล็กระยะทาง 3 กิโลเมตร ถนนลาดยาง 1 กิโลเมตร และถนนเรียบคลองธรรมชาติ 3 กิโลเมตร มีสะพานเชื่อมต่อระหว่างบ้านท่าไม้แดงและบ้านท่าตะคร้อ ตำบลประดาง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก อาชีพหลัก คือ เกษตรกรรม ทำนา 350 ไร่ ทำสวน 20 ไร่ อาชีพรอง คือ เลี้ยงโค รับจ้าง ค้าขาย ในชุมชนมีแหล่งธุรกิจ คือ ร้านค้า 10 แห่ง มีตลาดนัด 1 แห่ง ประชาชนมีรายได้เฉลี่ย 62,395 บาท/ครัวเรือน/ปี และครัวเรือนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ 129 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 41.61 ของครัวเรือนทั้งหมด
ปัญหาที่มีในชุมชน ได้แก่ การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 โรคไข้เลือดออก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง) การเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง (มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้) การบริโภคผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี ขาดการออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ การระบาดของยาเสพติดและฟื้นฟูผู้เสพคืนสู่ครอบครัว คุณภาพชีวิตกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยทางสุขภาพจิต การควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน อุบัติเหตุทางถนน โรคระบาดในสัตว์ (สุกร วัว ไก่) และการจัดการขยะในชุมชน จากการประชาคมของหมู่บ้านเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 มีมติคัดเลือกปัญหาการบริโภคผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี สภาผู้นำชุมชนจึงมีการรวบรวมข้อมูลในประเด็นการบริโภคผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี มีการคืนข้อมูล อภิปรายปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้ คนในชุมชนมีการบริโภคผักผลไม้อย่างเพียงพอตามคำแนะนำ 400 กรัม/คน/วัน 448 คน คิดเป็นร้อยละ 48.69 มีการปลูกผักไว้บริโภคในครัวเรือนโดยไม่ใช้สารเคมี จำนวน 45 ครัวเรือน จากทั้งหมด 310 ครัวเรือน ในขณะที่อีก 265 ครัวเรือน มีการปลูกผักผลไม้ไว้บริโภคในครัวเรือนโดยใช้สารเคมี นิยมการซื้อผักสด/ผลไม้จากตลาดสดในตัวเมืองตาก ร้านค้าชุมชน ตลาดนัดวันเสาร์ รถหาบเร่ (พุ่มพวง) และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการซื้อผักผลไม้ของชาวบ้านวันละประมาณ 40 บาท หรือราว 1,200 บาท/ครัวเรือน/เดือน นอกจากนี้ยังนิยมซื้อกับข้าวสำเร็จ เพราะสะดวกสบายเนื่องจากวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง มีความเร่งรีบในการดำเนินชีวิตมากขึ้น มีการแข่งขันในการประกอบอาชีพมากขึ้น ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการรับสารเคมีที่อยู่ในผักผลไม้ต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย และในระยะยาวย่อมส่งผลทำให้สุขภาพแย่ลง ซึ่งคนในชุมชนเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคนในชุมชน 3 ด้าน ดังนี้
- ผลกระทบต่อสุขภาพ ข้อมูลจาก (1) อบต.วังหิน ปี 2563 ผลการตรวจสารพิษตกค้างในกระแสเลือดของเกษตรกรและคนในชุมชนบ้านท่าไม้แดง จำนวน 285 คน พบสารพิษตกค้างในกระแสเลือดระดับปกติ 0 คน, ปลอดภัย 0 คน, เสี่ยง 195 คน และไม่ปลอดภัย 90 คน และ (2) รพ.สต.บ้านท่าไม้แดง ต.วังหิน อ.เมืองตาก จ.ตาก (https://tak.hdc.moph.go.th/) พบว่า บ้านท่าไม้แดงมีผู้ป่วยเบาหวาน 89 คน คิดเป็นร้อยละ 9.67 ของประชากรทั้งหมด ผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี 32 คน คิดเป็นร้อยละ 35.96 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 222 คน คิดเป็นร้อยละ 24.13 ของประชากรทั้งหมด ผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดี 108 คน คิดเป็นร้อยละ 74.48 ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทั้งหมด โดยพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ และผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ ร้อยละ 100 บริโภคผักผลไม้น้อยกว่า 400 กรัม/คน/วัน
- ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เกิดสารเคมีตกค้างในดินและน้ำจากการใช้สารเคมีในการปลูกผัก และเกิดมลพิษทางอากาศจากการฉีดพ่นสารเคมีทางการเกษตร
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยการซื้อผักผลไม้ของชาวบ้านวันละประมาณ 40 บาท หรือราว 1,200 บาท/ครัวเรือน/เดือน ชุมชนสูญเสียเงินจากการบริโภคออกนอกชุมชน และครัวเรือนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ 129 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 41.61 ของครัวเรือนทั้งหมด
2.การก่อตัวของกลไกพี่เลี้ยง รพ.สต.
1) จำนวนพี่เลี้ยงใน รพ.สต. การจัดโครงสร้างทีมพี่เลี้ยง และการบริหารจัดการภายในทีมชุมชนบ้านท่าไม้แดง ขับเคลื่อนโครงการภายใต้ประเด็นการปลูกและบริโภคผัก 400 กรัม/คน/วัน โดยมีพี่เลี้ยงร่วมเป็นที่ปรึกษาขับเคลื่อนโครงการ คือ นายไพฑูรย์ จิตเนาวรัตน์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอเมืองตาก, นายวิรัตน์ ขลัง นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองตาก มีการลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมชุมชน คอยหนุนเสริมการทำงานต่อเนื่อง มีบทบาทในการช่วยหนุนเสริมการทำงานของพี่เลี้ยง รพ.สต.บ้านท่าไม้แดง และทีมสภาผู้นำชุมชนบ้านท่าไม้แดง มีการจัดโครงสร้างทีมพี่เลี้ยง และการบริหารจัดการภายในทีม ให้เกิดความคล่องตัว เป็นรูปธรรมในการหนุนเสริมสภาผู้นำชุมชน มีพี่เลี้ยงวิชาการ คือ นางสาวปาณิสรา แก้วบุญธรรม โดยสภาผู้นำชุมชนบ้านท่าไม้แดงเป็นผู้ตัดสินใจและดำเนินงานต่าง ๆ ในชุมชนกันเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังต้องการพี่เลี้ยงช่วยให้ข้อเสนอแนะในบางประเด็นเท่านั้น
2) สมรรถนะพี่เลี้ยงใน รพ.สต. สภาผู้นำชุมชนบ้านท่าไม้แดง มีพี่เลี้ยงหลักที่มาจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองตาก พบว่าพี่เลี้ยงหลัก จำนวน 2 ท่าน อยู่ในขั้นที่ 3 สามารถขับเคลื่อนงานร่วมกันระหว่าง รพ.สต. ชุมชน และภาคีได้ สามารถหนุนเสริมให้ทีมสภาผู้นำชุมชนบ้านท่าไม้แดง สามารถหนุนเสริมชุมชนในการจัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างน้อย 1 ประเด็น โดยใช้กลไกการมีส่วนร่วมจัดทำแผนงานโครงการ ระหว่างทีมสภาผู้นำชุมชน และ รพ.สต.บ้านท่าไม้แดง ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านสาธารณสุขของ รพ.สต. บรรจุอยู่ในแผนชุมชนพึ่งตนเองของหมู่บ้านได้ ครอบคลุมทุกด้าน ทุกประเด็น (ทำเอง ทำร่วม ทำขอ)
พบว่า การสร้างทีมพี่เลี้ยงที่มีสมรรถนะได้นั้น จำเป็นต้องเปิดใจพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ และต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องแนวคิดชุมชนน่าอยู่และกลไกสภาผู้นำชุมชน และมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจระบบการบริการด้านสุขภาพและงานสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และเชื่อมโยงสู่แผนสุขภาพตำบล และที่สำคัญต้องมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง และรับรู้อุปสรรค รับประโยชน์ที่ได้รับร่วมกันทั้งสองฝ่าย
3.กลไกพี่เลี้ยง รพ.สต.
1) การกำหนดการกิจของทีมพี่เลี้ยง ทั้งในการเป็นผู้พัฒนาชุมชน และภารกิจของหน่วยงานโดยพี่เลี้ยง
รพ.สต. และสภาผู้นำชุมชนบ้านท่าไม้แดง ร่วมกันกำหนดภารกิจของการดำเนินการประเด็นหลักร่วมกันคือ การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมการปลูกและบริโภคผัก 400 กรัม/คน/วัน ของประชาชนในพื้นที่ สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การกำหนดภารกิจของทีมพี่เลี้ยง ทั้งในการเป็นผู้พัฒนาชุมชน และภารกิจของหน่วยงาน ได้รับการยอมรับของทุกฝ่าย จำเป็นต้องรับรู้และเข้าใจตัวชี้วัดร่วม หรือเป้าหมายร่วมที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ ซึ่งภารกิจในครั้งนี้ตอบโจทย์ในภาพรวมของอำเภอเมืองตาก
2) การสื่อสารภายในทีมและหัวหน้าหน่วยงาน ประเด็นที่จำเป็นต้องสื่อสารต่อเนื่อง ประกอบด้วย ความรู้ความเข้าใจการทำงานชุมชนน่าอยู่ (โมเดล รพ.สต.) เช่น เรื่องแนวคิดชุมชนน่าอยู่และกลไกสภาผู้นำชุมชน การจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง การประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา (ARE) และระบบการบริการด้านสุขภาพและงานสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และเชื่อมโยงสู่แผนสุขภาพตำบล และออกแบบและเก็บข้อมูลสถานะสุขภาพของ รพ.สต. และข้อมูลเชิงประเด็นของทีมสภาผู้นำชุมชน รวมถึงการประสานการทำงานระหว่าง รพ.สต. สภาผู้นำชุมชน หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ และภาคีในพื้นที่ตำบลวังหิน
เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การสื่อสารต่อเนื่อง เกิดประสิทธิผล นำไปสู่ความเข้าใจ และทักษะได้นั้นจำเป็นต้อง มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง มีการหารือโครงการ สสส. และประเด็นอื่น ๆ ในชุมชน และมีรายงานการประชุมทุกครั้ง และทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม มีช่องทางการสื่อสารที่พี่เลี้ยงเข้าถึงง่าย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความก้าวหน้าในการทำงานทุกงานที่ชุมชนดำเนินการให้สมาชิกทีมพี่เลี้ยงรับทราบอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยกันวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของชุมชน นำไปสู่การหนุนเสริมและแก้ไขปัญหาของชุมชนได้ทันเวลา ไม่มีความเสี่ยงระหว่างดำเนินงาน เช่น การจัดกิจกรรมตามกำหนดการ การเบิกจ่ายเงิน เอกสารการเงิน เอกสารสรุปความก้าวหน้า และการทำงานภายในทีมของสภาผู้นำชุมชน เป็นต้น
3) สภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ และดำเนินงานต่าง ๆ ในชุมชนได้เอง โดยพึ่งพาพี่เลี้ยงในบางครั้ง
วิธีการสื่อสารกับหัวหน้าหน่วยงานกรณีที่หัวหน้าไม่ได้เป็นพี่เลี้ยง
3.1) รูปแบบการเรียนรู้ภายในทีม จำเป็นต้องสื่อสารอย่างต่อเนื่องตลอดการทำกิจกรรมในโครงการ เนื่องจากเมื่อหัวหน้าหน่วยงานไม่ได้อยู่ในบทบาทของพี่เลี้ยง รพ.สต. อาจจะไม่เข้าใจในระบบการทำงานของทีมสภาผู้นำชุมชนภายใต้กลไกชุมชนน่าอยู่ การสื่อสารระหว่างพี่เลี้ยง รพ.สต. ทีมสภาผู้นำชุมชน และหัวหน้าองค์กรควรมีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ให้ทราบความเป็นไป ผลลัพธ์ของโครงการจึงจะส่งผลต่อการเรียนรู้ภายในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.2) การสร้างการมีส่วนร่วมของทีมและการร่วมแก้ไขปัญหา ได้ดำเนินการโดย พี่เลี้ยง ต้องเข้าร่วมเข้าประชุมและร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของกิจกรรมในชุมชน และในการประชุมหรือร่วมกิจกรรม ผู้เข้าร่วมสามารถแสดงความคิดเห็น ร่วมตัดสินใจเรื่องการดำเนินงาน และเสนอแนะ พิจารณาปัญหาใหม่ๆ รวมทั้งมีการร่วมติดตามประเมินผลได้ทุกคน โดยจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้พี่เลี้ยงและสมาชิกชุมชนเข้าประชุมและร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และสมาชิกชุมชนทุกคน สามารถแสดงความคิดเห็นมากขึ้น หรือมีสมาชิกหน้าใหม่ร่วมแสดงความคิดเห็นมากขึ้น สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น หรือมีสมาชิกหน้าใหม่ร่วมตัดสินใจ และสมาชิกชุมชนมีข้อเสนอแนะ หรือให้ทางเลือกใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาชุมชนมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการมีส่วนร่วมของทีมพี่เลี้ยงและสภาผู้นำชุมชน โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล หรือสามารถร่วมประเมินความสำเร็จของชุมชนได้ จึงจะส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของทีมและการร่วมแก้ไขปัญหาทั้งในส่วนของทีมงานและต่อกลไกสภาผู้นำชุมชนในแต่ละหมู่บ้านได้
4. การบริหารจัดการเป้าหมายร่วมของพื้นที่
1) การกำหนดเป้าหมายร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านท่าไม้แดง องค์การบริหารส่วนตำบลวังหิน และสภาผู้นำชุมขน ได้มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน คือ ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในการบริโภคอาหารปลอดภัย โดยกระบวนการมีส่วนร่วมที่ประชาชนในหมู่บ้านเห็นชอบร่วมกันผ่านเวทีประชาคมหรือเวทีอื่นๆ ของหมู่บ้าน ใช้เป็นหลักปฏิบัติในชุมชนในการบริโภคอาหารปลอดภัย ในชุมชนและเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาวะในระดับตำบลตามแผนสุขภาพ
2) การวางแผนการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านท่าไม้แดง และสภาผู้นำชุมชนจากเป้าหมายร่วมที่กำหนดด้วยการรวบรวมข้อมูลการปลูกและการบริโภคผักในชุมชน มาประมวลผล จัดเวทีประชาคมทำความเข้าใจโครงการร่วมกับสมาชิกชุมชนรวมถึงการคืนข้อมูลการปลูกและบริโภคผักในชุมชน ทั้งนี้ จะต้องร่วมกันวิเคราะห์ เพื่อกำหนดข้อตกลงร่วมของชุมชนในการปลูกและบริโภค จึงจะเกิดการยอมรับ จัดแบ่งหน้าที่และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง
3) การดำเนินงานและการจัดการทรัพยากรร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านท่าไม้แดง และสภาผู้นำชุมขน จากแผนการดำเนินร่วมที่กำหนด โดยที่ผ่านมาได้จัดการทรัพยากร คือ การแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน ด้วยการเก็บ รวบรวมข้อมูลและบันทึกผลในชุดข้อมูลแหล่งเดียวกัน เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนของข้อมูล หรือป้องกันการคลาดเคลื่อนของข้อมูลนั้น ๆ โดยมีสิ่งที่ขาดไม่ได้หรือต้องมีเงื่อนไข คือ การออกแบบการเก็บข้อมูลชุดเดียวกัน หรือ ใช้แบบฟอร์มเดียวกัน
4) การติดตามและประเมินผลร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านท่าไม้แดง และสภาผู้นำชุมขนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมที่กำหนดร่วมกัน ด้วยการร่วมประชุมประจำเดือนของสภาผู้นำชุมชน หรือของหมู่บ้านหรือของ รพ.สต. โดยมีขั้นตอนสำคัญ คือ (1) สรุปข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดในผลลัพธ์ประเด็นนั้น ๆ (2) สะท้อนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงตามระยะเวลาที่ดำเนินโครงการ (3) เปรียบผลลัพธ์ที่ได้ว่าบรรลุเป้าหมายร่วมที่กำหนดไว้หรือไม่ และ (4) แลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งดี ๆที่เกิดขึ้น และร่วมเสนอแนะแนวทางการพัฒนาให้ดีขึ้นหรือแนวทางปรับปรุงให้บรรลุเป้าหมายร่วมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ทุกครั้งจำเป็นต้องมีหรือต้องใช้ข้อมูลจริงที่เก็บรวบรวมได้มาอ้างอิงและใช้จริงเป็น
5.ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของชุมชน
1) ผลลัพธ์สมรรถนะสำคัญและการปรับเปลี่ยนวิธีทำงานของพี่เลี้ยงบันไดสมรรถนะ โดยเกิดผลลัพธ์ในระยะกลางของวิธีทำงานของพี่เลี้ยง คือ พี่เลี้ยง รพ.สต. มีทักษะในการหนุนเสริมการทำงานของสภาผู้นำชุมชนได้อย่างต่อเนื่องและสามารถขับเคลื่อนงานระหว่าง รพ.สต. อปท. และภาคีในชุมชนได้ ผ่านการถ่ายทอดแนวคิดชุมชนน่าอยู่และหนุนเสริมชุมชนให้เกิดกลไกสภาผู้นำชุมชน สนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง ร่วมออกแบบระบบการบริการด้านสุขภาพ และงานสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และเชื่อมโยงสู่แผนสุขภาพตำบล หนุนเสริมทีมสภาผู้นำชุมชนร่วมเป็นคณะอนุกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล มีการจัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างน้อย 1 ประเด็น โดยใช้กลไกการมีส่วนร่วมจัดทำแผนงานโครงการ ระหว่างทีมสภาผู้นำชุมชน และ รพ.สต. ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านสาธารณสุขของ รพ.สต. บรรจุอยู่ในแผนชุมชนพึ่งตนเอง โดยต้องมีหรือต้องใช้ แนวคิดสาธารณสุขมูลฐานกับการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ (นโยบาย 3 หมอ) มาประยุกต์ร่วมด้วยจึงจะเกิดสมรรถนะได้ตามที่คาดหวัง ให้สอดคล้องกับบันไดผลลัพธ์ของโมเดล รพ.สต.
2) ผลลัพธ์สมรรถนะของกลไกสภาผู้นำชุมชน โดยเกิดผลลัพธ์ในระยะกลางของวิธีทำงานของสภาผู้นำชุมชน คือ สภาผู้นำชุมชนมีสมรรถนะในการเสริมพลังชุมชนและขับเคลื่อนงานตามแผนชุมชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนได้ โดยต้องมีหรือต้องใช้ เป้าหมายและข้อตกลงร่วมกัน ผ่านการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง มีการหารือโครงการ สสส. และประเด็นอื่น ๆในชุมชน และมีรายงานการประชุมทุกครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้นำชุมชน ทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุมได้ สภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ และดำเนินงานต่าง ๆในชุมชนได้เองทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง สภาผู้นำชุมชนสามารถดำเนินงานได้ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและคืนข้อมูลให้แก่ชุมชน และมีการปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด สภาผู้นำชุมชนมีการบริหารจัดการงบประมาณโครงการ สสส. และโครงการอื่นของชุมชน ด้วยความโปร่งใส จัดทำบัญชีรับจ่ายและแจ้งข้อมูลให้สมาชิกในชุมชนทราบทุกเดือน สภาผู้นำชุมชนสื่อสารข้อมูลข่าวสารความก้าวหน้าในการทำงานทุกงานที่ชุมชนดำเนินการให้สมาชิกชุมชนรับทราบ เดือนละ 1ครั้ง จึงจะเกิดสภาที่มีสมรรถนะได้ตามที่คาดหวัง ที่สอดคล้องกับบันไดผลลัพธ์และ ความเข้มแข็ง 9 มิติได้
3) ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของประเด็นสุขภาพที่ดำเนินการร่วมกัน คือ การปลูกและบริโภคผัก 400 กรัมต่อคนต่อวัน โดยเกิดผลลัพธ์ในระยะกลาง ดังนี้
– ครัวเรือน 155 ครัวเรือน มีความรู้เรื่องอันตรายจากผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี และการปลูกและบริโภคผักปลอดสารเคมีอย่างน้อย 400 กรัม/คน/วัน
– มีกติการ่วมกันเรื่องการปลูกและบริโภคผักปลอดสารเคมีอย่างน้อย 400 กรัม/คน/วัน ดังนี้ (1) ครัวเรือนมีการปลูกและบริโภคผักปลอดสารเคมี อย่างน้อยครัวเรือนละ 5 ชนิด (2) ครัวเรือนจะบริโภคผักปลอดสารเคมีที่ปลูกเองอย่างน้อยวันละ 2 ใน 3 ส่วนของปริมาณผักที่บริโภค และครัวเรือนสามารถปฏิบัติตามกติกาการปลูกและบริโภคผักปลอดสารเคมีได้ 155 ครัวเรือน
– ครัวเรือนมีการปลูกและบริโภคผักปลอดสารเคมีอย่างน้อย 400 กรัม/คน/วัน 155 ครัวเรือน
– ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการซื้อผักบริโภคของครัวเรือนลดลง เหลือ 520 บาท/เดือน/ครัวเรือน จาก 1,200 บาท/เดือน/ ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 56.67
ภาพกิจกรรมการดำเนินงานของสภาผู้นำชุมชนบ้านท่าไม้แดง