
บทเรียนโครงการชุมชนน่าอยู่: Model อปท. บ้านบุญเรือง ม.9 จ.พะเยา ปี 2564
การถอดบทเรียนโครงการชุมชนน่าอยู่ 2564 Model อปท.
โครงการชุมชนน่าอยู่บ้านบุญเรือง หมู่ 9 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา
โดย เนาวรัตน์ กองตัน
ทีมสนับสนุนวิชาการ หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ
1. บริบทของพื้นที่
บ้านบุญเรือง หมู่ที่ 9 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา เป็นหมู่บ้านเก่าแก่เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอบ้านม่วงจังหวัดน่าน ต่อมาได้เปลี่ยนจากอำเภอบ้านม่วงมาเป็นอำเภอปง จังหวัดน่าน เมื่อ พ.ศ. 2486 ต่อมาระทรวงมหาดไทยได้โอนพื้นที่เขตการปกครองของอำเภอปง มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย ในปี พ.ศ. 2496 ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดพะเยาในปี 2520 บ้านบุญเรือง ตำบลปง อำเภอปง จึงขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดพะเยา มาจนถึงปัจจุบัน มีอาณาเขตติดต่อดังนี้
– ทิศเหนือ ติดกับ บ้านเหล่า หมู่ที่ 9 ตำบลควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา
– ทิศใต้ ติดกับ บ้านบอน หมู่ที่ 7 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา
– ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านต้อง หมู่ที่ 12 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา
– ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านดู่ หมู่ที่ 3 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา
ข้อมูลประชากร, อาชีพ, รายได้ จำนวนประชากร
จำนวนครัวเรือน 97 ครัวเรือน อยู่จริง 92 ครัวเรือน ประชากร 289 คน ชาย 129 คน หญิง 160 คน
อาชีพหลัก
(1) อาชีพ เกษตรกรรม จำนวน 63 ครัวเรือน
(2) อาชีพ ค้าขาย จำนวน 9 ครัวเรือน
(3) อาชีพ ช่าง จำนวน 4 ครัวเรือน
(4) อาชีพ ข้าราชการ จำนวน 4 ครัวเรือน
(5) อาชีพ รับจ้าง / บริการ จำนวน 5 ครัวเรือน
(6) อาชีพ อื่นๆ (ระบุ) จำนวน 6 ครัวเรือน
อาชีพเสริม
(1) อาชีพ เกษตรกรรม จำนวน 60 ครัวเรือน
(2) อาชีพ ค้าขาย จำนวน 12 ครัวเรือน
(3) อาชีพ ช่าง จำนวน 3 ครัวเรือน
สภาพปัญหาของชุมชนที่ต้องดำเนินการแก้ไข หรือพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในแผนชุมชนพึ่งตนเอง
1) ข้อมูลสถานการณ์ปัญหาที่เลือกดำเนินการ และเหตุผลสำคัญที่ต้องการดำเนินโครงการ
จากฐานข้อมูลของแผนชุมชนบ้านบุญเรืองและการสำรวจข้อมูลชุมชนโดยสภาผู้นำชุมชนรวมถึงจากการรวบรวมข้อมูลจากองค์กรในพื้นที่ประกอบด้วยข้อมูล จปฐ./ข้อมูลสถานะสุขภาพ รพ.สต./ข้อมูลจากท้องถิ่นและการสังเกตสภาพแวดล้อมของชุมชน พบข้อมูลสำคัญ และได้สรุปปัญหา ดังนี้
1. ข้อมูลปัญหาขาดการจัดการขยะ จำนวน 78 คน คิดเป็นร้อยละ 84.78
2. ข้อมูลปัญหาใช้สารเคมีทางการเกษตร จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 42.39
3. ข้อมูลปัญหาเสี่ยงต่อโรคเบาหวานความดันโลหิตสูง จำนวน 53 คน คิดเป็นร้อยละ 57.60
4. ข้อมูลปัญหามีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายรับในครัวเรือน จำนวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 38.43
5. ข้อมูลปัญหาทิ้งน้ำเสียลงในท่อระบายน้ำหมู่บ้าน จำนวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 83.69
6. ข้อมูลปัญหาการพนันหวยใต้ดิน จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 43.47
7. ข้อมูลปัญหาถูกรบกวนจาก ยุง แมลงวัน หนู แมลงสาป จำนวน 44 คน คิดเป็นร้อยละ 47.82
8. ข้อมูลปัญหาป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 25.64
9. ข้อมูลปัญหาการสูบบุหรี่ จำนวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 15.57
10. ข้อมูลปัญหาการดื่มสุรา จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 27.45
ทั้งนี้ชุมชนได้ประชาคมมีมติโดยนำปัญหาลำดับที่ 1-3 จะดำเนินเองโดยเสนอแผนงานโครงการกับ สสส. มีการบูรณาการในแผนชุมชนโดยนำปัญหาลำดับที่ 4-8 ดำเนินโครงการร่วมกับท้องถิ่นหรือองค์กรภายในชุมชนและ สปสช.และกระทรวงสาธารณสุขและลำดับที่ 9-10 ขอให้ทางภาครัฐประสานกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือองค์กรภายนอกดำเนินการ ตามลำดับดังนี้ 1) การจัดการขยะด้วยกลไกสภาผู้นำชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วม 2) ชุมชนปล่อยน้ำเสียตามธรรมชาติลงท่อระบายน้ำ 3) พฤติกรรมการสูบบุหรี่/ดื่มสุรา 4) การใช้สารเคมีทางการเกษตร 5) การเผาป่าและพื้นที่การเกษตร 6) อุบัติเหตุจราจร 7) ส่งเสริมปลูกผักปลอดภัย 8) การดูแลป่วยเรื้อรังในผู้สูงอายุ 9) ขาดอาชีพเสริมในชุมชน 10) ลดปัญหาการพนันหวยใต้ดิน
ผลกระทบต่อสุขภาพ พบว่าเกิดการเจ็บป่วย เกิดการเจ็บป่วยด้วยการเป็นโรคไข้เลือดออกหรือโรคทางเดินหายใจ โรคไข้เลือดออกจะเกิดเมื่อประชาชนไม่มีการแยกขยะ ทิ้งขยะบริเวณที่สาธารณะทำให้เวลาฝนตกลงมาเกิดน้ำขังเกิดเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ส่วนโรคทางเดินหายใจมีประชาชนบางกลุ่มมีการเผาขยะพวกพลาสติก กล่องโฟม ยาง ทำให้เกิดมลพิษเวลาประชาชนสูดดมเข้าไปเยอะจะทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกิดหมอกควัน ฝุ่นละอองทำให้ การหายใจฝืดเคือง เกิดมลพิษจากการเผาขยะและยังรวมแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อร่างกายและต่อการหายใจของประชาชน
ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ พบว่าเกิดการขัดแย้งของคนในชุมชน จึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันและทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเจ็บป่วยปัญหาขยะของคนในชุมชนมองว่าเป็นปัญหาสำคัญ ต้องมีความร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพราะเป็นปัญหาส่งผลต่อสุขภาพทางร่างกาย ซึ่งการเผาขยะเป็นประจำในช่วงหน้าแล้งที่ไม่มีการทำนา ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านหายใจของประชาชนและเกิดแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคจากการทิ้งขยะไม่ถูกที่ ดังนั้นสภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง จึงเห็นควรในการแก้ไขปัญหาโดยรู้จักวิธีการแยกขยะในชุมชน ลดผลกระทบที่จะเกิดกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในชุมชนและยังสร้างรายได้ในครัวเรือน
สาเหตุของสภาพปัญหา
ปัญหาของชุมชนที่ผ่านการประชาคมและสำรวจคือปัญหา.การจัดการขยะด้วยกลไกสภาผู้นำชุมชน มีการวิเคราะห์สาเหตุด้วยสามเหลี่ยมปัจจัยกำหนดสุขภาพ คือด้านพฤติกรรม ด้านสภาพแวดล้อมและด้านกลไกชุมชนโดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้
สาเหตุด้านพฤติกรรม สาเหตุจากพฤติกรรมโดยเกิดจากขาดความรู้ทักษะการคัดแยกจำนวน 92 หรือร้อยละ 100 ประชาชนบ้านบุญเรืองมีการจัดการขยะยังไม่ถูกวิธี ที่ผ่านมาประชาชนบ้านบุญเรืองไม่มีการคัดแยกขยะมูลฝอยออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ขยะย่อยสลาย ขยะขายได้ ขยะอันตราย ขยะทั่วไป และนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ตามชนิดของขยะ เช่น ขายขยะรีไซเคิล ทำปุ๋ยหมักจากขยะย่อยสลาย เป็นต้น โดยมีขยะในประเภททั่วไป ที่ไม่ผ่านการคัดแยกที่มีปริมาณโดยเฉลี่ย วันละ 290 กิโลกรัม ประชาชนในหมู่บ้านไม่มีจัดการกันเอง และไม่มีรูปแบบหรือวิธีการจักการที่ชัดเจน โดยเฉพาะ ถุงพลาสติก กล่องโฟม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป บางครัวเรือนนำไปทิ้งตามพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้านหรือเผากลางแจ้งซึ่งโดยส่วนใหญ่ทั้ง 92 ครัวเรือนของบ้านบุญเรืองจะยังไม่มีวิธีการจัดการขยะทั่วไปที่เป็นรูปแบบที่ชัดเจนซึ่งทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียและมลพิษทางอากาศในอนาคตได้
สาเหตุจากความเชื่อค่านิยม โดยครัวเรือนเชื่อว่าไม่ใช่หน้าที่ของครัวเรือนเป็นหน้าที่ของ อปท. จำนวน 92 ครัวเรือน หรือร้อยละ 100 ของครัวเรือน ประชาชนบ้านบุญเรืองไม่นำขยะไปใช้ประโยชน์ตามหลักการ 3R (Reuse/reduce/recycle) จากการสอบถามประชาชนบ้านบุญเรือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 หรือ 82 ครัวเรือน ไม่มีความรู้ในเรื่องของการคัดแยกขยะมูลฝอยก่อนนำไปกำจัด แต่ประชาชนในหมู่บ้านยังขาดการส่งเสริมความรู้ หรือรูปแบบของวิธีการลดการสร้างขยะในครัวเรือน วิธีการใช้ซ้ำเพื่อลดการเกิดขยะและวิธีการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ ตามหลักการจัดการขยะมูลฝอยตามหลัก 3R ซึ่งเป็นวิธีการที่จะช่วยลดการเกิดขยะในหมู่บ้าน ลดขยะตกค้างตามพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้านได้และช่วยลดแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายซึ่งเป็นพาหะของ โรคไข้เลือดออกได้
สาเหตุจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพ โดยเกิดจากขาดอุปกรณ์การจัดการขยะอินทรีย์ ขาดการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์.จำนวน 92 หรือร้อยละ 100
สาเหตุจากสภาพแวดล้อมทางสังคม โดยเกิดจาก ขาดอุปกรณ์การจัดการขยะอินทรีย์ ขาดการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์.จำนวน 92 หรือร้อยละ 100 ประชาชนบ้านบุญเรืองไม่มีการใช้ประโยชน์จากขยะย่อยสลาย บ้านบุญเรืองมีขยะย่อยสลายที่เกิดขึ้นจากแต่ละครัวเรือน จำนวน 58 กิโลกรัม/วัน การใช้ประโยชน์จาก ขยะย่อยสลายของประชาชนบ้านบุญเรือง ส่วนใหญ่ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน บ้านบุญเรืองทั้งหมด จำนวน 4 ครัวเรือน มีการจัดการขยะย่อยสลายโดยวิธีการรวบรวมขยะไว้ทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมักชีวภาพ หรือนำไปทำเป็น อาหารสัตว์ เป็นต้นและยังไม่มีการรวมกลุ่มและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ประโยชน์จากขยะย่อยสลาย ในหมู่บ้าน เช่น กลุ่มทำปุ๋ยหมัก กลุ่มทำน้ำหมักชีวภาพ กลุ่มเลี้ยงไส้เดือนดิน กลุ่มปลูกพืชผักสวนครัว ซึ่งจะเป็นการขยายเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการระหว่างกลุ่ม และนำไปสู่วิธีการจัดการขยะย่อยสลายในรูปแบบที่ยั่งยืนได้
สาเหตุจากด้านกลไกชุมชน โดยเกิดจากขาดระบบการส่งต่อท้องถิ่น เช่น ขยะอันตราย ขยะติดเชื้อ ปัจจุบันท้องถิ่นหรือ เทศบาลตำบลปงยังไม่มีระบบกำจัด ขยะอันตราย ขยะติดเชื้อ จึงมีเพียงการฝังกลบ อาจปนเปื้อนกับสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้าน และส่งผลกระทบต่อประชาชนในหมู่บ้านได้ หากหมู่บ้านมีระบบการตรวจสอบ แยกขยะมูลฝอยทั้ง 2 ประเภทนี้ได้ และรวบรวมส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีจากประเด็นปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของบ้านบุญเรือง สภาผู้นำชุมชนและประชาชนชาวบ้านบุญเรือง จึงมีมติร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหาของชุมชน โดยอาศัยแนวคิดการสร้างชุมชนน่าอยู่ กระตุ้นความร่วมมือจากคนในหมู่บ้านให้ ร่วมคิด ร่วมทำ
2. การเกิดกลไกสภาผู้นำชุมชน
2.1 ทุนเดิมที่มีในชุมชน ทุนศักยภาพของชุมชนที่เป็นจุดแข็ง คือ ศักยภาพความสามารถหรือข้อเด่นของหมู่บ้าน ทุนเดิมของชุมชน โดยคนในหมู่บ้านมีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ฉันพี่ฉันน้อง “พริกบ้านเหนือเกลือบ้านใต้” เป็นสังคมชนบท ในหมู่บ้านปลอดถังขยะหน้าบ้าน เน้นการคัดแยกด้วยตนเอง เป็นหมู่บ้านอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ศรัทธาความเชื่อ ศรัทธาผู้เฒ่าผู้แก่ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน คนในชุมชนมีความเสียสละ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานราชการอื่นๆ ประชาชนในชุมชนมีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการจัดการขยะเพื่อลดปัญหาขยะ มีแหล่งอาหารธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยชุมชน มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ สัตว์น้ำ มีแม่น้ำยมไหลผ่านเป็นแหล่งน้ำหลักในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีวัดซึ่งเป็นปูชนียสถานเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวบ้านบุญเรือง
2.2 การก่อตัวของสภาผู้นำชุมชน ด้วยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนัก 6 โดย นางเนาวรัตน์ กองตัน ทีมสนับสนุนวิชาการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือและพี่เลี้ยงชุมชนน่าอยู่จังหวัดพะเยา ร่วมกับ เทศบาลตำบลปง และ ชุมชนต้นแบบบ้านหนุน หมู่ 6 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา ได้ร่วมกันจัดตั้งสภาผู้นำชุมชน ได้เข้าร่วมประชุมชี้แจงเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนโดยกลไกสภาผู้นำชุมชน กับผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง นายสุรสินธ์ วงค์ชัย ผู้ใหญ่บ้านบุญเรือง จึงได้เกิด สภาผู้นำชุมชน จำนวน 25 คน มีโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน จำนวน 25 คน สภาผู้นำชุมชนจากเดิมมี 25 ตอนนี้ได้เพิ่มกลุ่มอื่นๆที่ยังไม่ได้เข้าร่วม มาอีก 2 คน เป็น 27 คน ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน ประกอบด้วย กรรมการหมู่บ้าน 4 คน กรรมการกองทุนหมู่บ้าน 6 คน ตัวแทนอสม.10 คน ตัวแทนผู้สูงอายุ 2 คน ผู้นำทางศาสนา 2 คน ตัวแทนคุ้มบ้าน 2 คน จิตอาสา 10 คน ตัวแทนเยาวชน 2 คน ปราชญ์ชุมชน 2 คน และตัวแทนกลุ่มต่างๆ 6 คน และมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ชัดเจน สภาผู้นำชุมชนมีการประชุมเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยประชุมทุกครั้งมีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่าร้อยละ 80 ขึ้นไป มีการพัฒนาศักยภาพสภาผู้นำชุมชนที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์ช่องว่างที่ต้องพัฒนา จำนวน 3 ครั้ง และร่วมเวทีกับหน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ จำนวน 4 ครั้ง มีการติดตามประเมินผลลัพธ์เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาในชุมชน ดำเนินการ 4 เดือนครั้ง จำนวนรวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีกิจกรรมประชุมสัญจร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนน่าอยู่เทศบาลปง จังหวัดพะเยา พัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชน จำนวน 2 ครั้ง สภาผู้นำชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะระดับตำบล ร่วมกับเครือข่ายสภาผู้นำชุมชนอื่น และอปท. เช่น ประชุมเพื่อร่วมจัดตั้งสภาตำบล เวทีการประเมินผลลัพธ์ระดับตำบล หรือเวทีแลกเปลี่ยนระดับตำบล สภาผู้นำชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะ และระดมทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมาร่วมพัฒนา พร้อมทั้งสามารถเป็นต้นแบบการเสริมสร้างสุขภาพในชุมชน โดยมีบ้านต้นแบบครัวเรือนตัวอย่างการจัดการขยะ จำนวน 50 ครัวเรือน มีแผนงาน/โครงการ ที่จะดำเนินงานในรอบปีต่อไป โดยเชื่อมโยงกับแผน อปท.เกี่ยวกับการจัดการขยะและโครงการอื่นๆ สภาผู้นำชุมชน 27 คน มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และระดมทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมาร่วมพัฒนา พร้อมทั้งสามารถเป็นต้นแบบการเสริมสร้างสุขภาพในชุมชน
จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาของชุมชนที่ต้องดำเนินการแก้ไข หรือพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในแผนชุมชนพึ่งตนเอง พบว่า ชุมชนขาดความรู้ทักษะการคัดแยกจำนวน 92 ครัวเรือน หรือร้อยละ 100 มีการจัดการขยะยังไม่ถูกวิธี ไม่มีการคัดแยกขยะมูลฝอยออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ขยะย่อยสลาย ขยะขายได้ ขยะอันตราย ขยะทั่วไป และนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ตามชนิดของขยะ มีขยะในประเภททั่วไป ที่ไม่ผ่านการคัดแยกที่มีปริมาณโดยเฉลี่ย วันละ 290 กิโลกรัม ไม่มีจัดการกันเอง และไม่มีรูปแบบหรือวิธีการจักการที่ชัดเจน โดยเฉพาะ ถุงพลาสติก กล่องโฟม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป บางครัวเรือนนำไปทิ้งตามพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้านหรือเผากลางแจ้ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ประชาชน 50 ครัวเรือนไม่มีความรู้ เรื่องการคัดแยกขยะ
2. ประชาชน 50 ครัวเรือนมีความเชื่อว่า ขยะเป็นหน้าที่ของท้องถิ่น
3. ไม่มีการคัดแยกขยะ ปล่อยน้ำเสียลงท่อระบายน้ำ
4. ชุมชนขาดการกำหนดกติกาในชุมชน
5. ไม่มีแกนนำในการคัดแยกขยะ
6. มีจุดทิ้งขยะที่ให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนน้อย
7. ไม่มีการรณรงค์การจัดการขยะในชุมชน
8. ไม่มีการบริหารจัดการหลังคัดแยกขยะ
9. ระบบที่เกี่ยวข้องไม่มีการจัดการให้ชาวบ้านปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
10. เทศบาลมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาขยะแต่ไม่สามารถเข้ามาดูแลได้
จากปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อ 4 ด้าน ดังนี้
ผลกระทบด้านสังคม
1. มีการทะเลาะกันเรื่องการเผาขยะในช่วงที่มีการห้ามเผา 3 ราย
2. ปัญหาหมอกควันในหมู่บ้าน(สร้างความรำคาญ)
3. ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของคนในชุมชน
ผลกระทบต่อสุขภาพ
1. สูดดมควันจากการเผาขยะ ทางเดินหายใจ 5 คน
2. ไข้เลือดออก 1 ราย
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
1. ครัวเรือนต้องจ่ายค่าจัดเก็บขยะเดือนละ 10 บาท/เดือน
2. เทศบาลต้องสูญเสียงบประมาณ ในการซื้อรถขยะและเพิ่มจำนวนค่าจ้างแรงงานในการจัดเก็บขยะ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
1. เกิดมลพิษจากการเผาขยะ
2. เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค
3. บ่อขยะอยู่ในเขตพื้นที่ป่าชุมชน
4. มีการทิ้งขยะไม่ตรงบ่อ ส่งกลิ่นเหม็น
ทีมสภาผู้นำชุมชนร่วมกับแกนนำชุมชน หัวหน้าคุ้มบ้านมีการวิเคราะห์ 9 มิติ ก่อนการดำเนินงานพบว่ามีระดับความเข้มแข็งของสภาผู้นำชุมชนหรือเป็นคณะทำงาน ดังนี้ มีมิติที่ผ่านเกณฑ์ระดับดีหรือ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน ส่วนที่ยังขาดหรือมีคะแนน 3 คะแนนจาก 5 คะแนน และที่ยังต้องพัฒนาสภาผู้นำชุมชน รวม 8 มิติ คือ มิติผู้นำ และการระดมทรัพยากร โครงสร้างองค์กร ความสามารถในการประเมินปัญหา การเชื่อมโยงกับผู้อื่น การบริหารจัดการ ความสัมพันธ์กับตัวแทนองค์กรภายนอก ความสามารถในการถามว่า “ทำไม” หรือการประเมินปัญหาและความพร้อม การพัฒนาชุมชน การบริหารจัดการความสัมพันธ์กับตัวแทนองค์กรภายนอก
2.3 องค์ประกอบของสภาผู้นำชุมชน ได้เกิดสภาผู้นำชุมชน จำนวน 25 คน ซึ่งมาจากองค์ประกอบของกรรมการหมู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และมาจากการสรรหาตัวแทนกลุ่มต่างๆและจิตอาสา เข้ามาช่วยงานโดยชุมชนร่วมกันพิจารณาเสนอรายชื่อ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ ซึ่งทุกคนมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และบ้านบุญเรือง ได้มีพี่เลี้ยง อปท. (เทศบาลตำบลปง) จำนวน 4 คน และ พี่เลี้ยง (SC: Super Coach) จากชุมชนต้นแบบ (บ้านหนุน) มาเป็นภาคีเครือข่ายสนับสนุนหนุนเสริม การดำเนินงานกับสภาผู้นำชุมชน อีกทั้งมีภาคีในพื้นที่อื่นๆ เข้าร่วมได้แก่ เทศบาลตำบลปง เกษตรอำเภอปง กศน.อำเภอปง มหาวิทยาลัยพะเยา รพ.สต.ร้องเอี่ยน ผู้ประกอบการร้านพะเยาวงษ์วานิชย์ เป็นต้น
บทบาทหน้าที่ของสภาผู้นำชุมชน มีการกำหนดโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน แบ่งบทบาทหน้าที่ตามความถนัดของแต่ละบุคคล และกำหนดกติกาการทำงาน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ
1) ฝ่ายบริหารจัดการ 5 คน ประกอบด้วย ประธานสภาผู้นำชุมชน รองประธานสภาผู้นำชุมชน เลขานุการ และเจ้าหน้าที่การเงิน
2) ฝ่ายปฏิบัติการ จำนวน 20 คน ประกอบด้วย ฝ่ายสำรวจข้อมูล/ฝ่ายจัดเก็บข้อมูล/ฝ่ายติดตามและประเมินผล/ฝ่ายกิจกรรม/ฝ่ายสถานที่ อีกทั้งได้คัดเลือกและสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็น สภาผู้นําชุมชนเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 คนรวมทั้งหมด 27 คน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรม ซึ่งสมาชิกสภาผู้นำชุมชนสามารถดำเนินงานได้ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและคืนข้อมูลให้แก่ชุมชนผ่านการประชุมประจำเดือนของชุมชน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และนำมาปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
สภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง มีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกัน คือ สภาผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถดำเนินงานตามแผนของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อมูลพฤติกรรมและปริมาณการทิ้งขยะของชุมชนที่เป็นปัจจุบัน มีการจัดเก็บขยะอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คือวันจันทร์และวันศุกร์ จากเดิมที่เก็บทุกวัน มีโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน จำนวน 27 คน ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน ประกอบด้วย กรรมการหมู่บ้าน 4 คน กรรมการกองทุนหมูบ้าน 6 คน ตัวแทน อสม.10 คน ตัวแทนผู้สูงอายุ 2 คน ผู้นําทางศาสนา 2 คน ตัวแทนคุ้มบ้าน 2 คน จิตอาสา 10 คน ตัวแทนเยาวชน 2 คน ปราชญ์ชุมชน 2 คน และตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ 6 คน และมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ชัดเจน สภาผู้นำมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง สามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม มีรายงานการประชุมทุกครั้ง มีการติดตามประเมินผลลัพธ์เพื่อการเรียนรู้และพัฒนา (ARE) ในชุมชน มีการพัฒนาศักยภาพสภาผู้นำชุมชนที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์ช่องว่างที่ต้องพัฒนา มีกิจกรรมประชุมสัญจร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนน่าอยู่เทศบาลปง สภาผู้นำชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะระดับตำบล ร่วมกับเครือข่ายสภาผู้นำชุมชนอื่น และอปท. มีแผนงาน/โครงการ ที่จะดำเนินงานในรอบปีต่อไป โดยเชื่อมโยงกับแผน อปท. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป้าหมายให้ครัวเรือน 92 ครัวเรือน มีการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี มีการคัดแยกขยะเพื่อขายสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนไม่มากก็น้อย มีการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพจากขยะเปียกและปุ๋ยหมักทดแทนการใช้ปุ๋ย เคมีเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน มีการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการนําขยะพลาสติก กระดาษ ทําของใช้ เช่นเอี๊ยมกันเปื้อน หมวก ที่ปลูกผักสวนครัว มีการเรียนรู้การปลูกผักปลอดสารพิษโดยใช้ปุ๋ยนํ้าหมักชีวภาพที่ใช้วัสดุจากขยะเปียกเพื่อลดค่าใช้จ่ายและยังได้ผักที่ปลอดสารเคมีและสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนได้ มีการจัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิลจํานวน 1 แห่ง มีการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ หมู่บ้านปลอดขยะ เกิดครัวเรือนตัวอย่างบริเวณบ้านสะอาดเป็นระเบียบ ทุกครัวเรือน ปริมาณขยะในครัวเรือนต่อวันลดลงจาก 7 กิโลกรัมต่อครัวเรือนเหลือ 3 กิโลกรัมต่อครัวเรือน ความสุขของคนในชุมชนเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า ร้อยละ 100
ทั้งนี้ยังมีพี่เลี้ยงจากพื้นที่เดิมหรือหมู่บ้านต้นแบบเดิม คือ สภาผู้นำชุมชนบ้านหนุน หมู่ 6 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา สามารถแนะแนวทางการดำเนินงานของสภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง โดยสนับสนุน หนุนเสริม การพัฒนาศักยภาพสภาผู้นำชุมชน เช่น การพัฒนาข้อเสนอโครงการ การจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง การเก็บข้อมูล การสำรวจข้อมูล การติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา (ARE) การสรุปและถอดบทเรียน เป็นต้น
3. กระบวนการดำเนินงานของสภาผู้นำชุมชนกับสมาชิกในชุมชน และ พี่เลี้ยง
3.1 กระบวนการจัดทำแผน สภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง ร่วมกับ พี่เลี้ยง อปท.และพี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ ได้นำแผนพัฒนาชุมชนที่มีอยู่เดิม จากการเก็บรวบรวมข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์ปรับปรุงให้เป็นแผนชุมชนพึ่งตนเอง (แผนทำเอง/ทำร่วม/ทำขอ)
3.2 กระบวนการคัดเลือกประเด็นมาดำเนินการ สภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาเทศบาลตัวแทนครัวเรือน พี่เลี้ยง อปท. พี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ ร่วมกันจัดประชาคมหมู่บ้าน เพื่อรับข้อเสนอโครงการและจัดเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ แผนทำเอง ทำร่วม ทำขอ ส่งให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาหมู่บ้าน โดยมีสภาผู้นำชุมชน ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาเทศบาลตัวแทนครัวเรือน พี่เลี้ยง อปท. และพี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ ร่วมดำเนินการ
3.3 กระบวนการพัฒนาข้อเสนอโครงการ สภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง ร่วมกับ พี่เลี้ยงหน่วยจัดการ และ พี่เลี้ยงอปท./พี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ ร่วมกันจัดเวทีชี้แจงวัตถุประสงค์ / คืนข้อมูลสถานการณ์ปัญหา เวทีประชาคมหมู่บ้านเพื่อคัดเลือกประเด็นปัญหา จากการวิเคราะห์ต้นไม้ปัญหา สาเหตุปัจจัยด้านพฤติกรรม ด้านกายภาพและสังคมระบบที่เกี่ยวข้อง และผลกระทบปัจจัยด้านสังคม ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม
3.4 กระบวนการบริหารจัดการโครงการ สภาผู้นำชุมชนบ้านบุญเรือง ร่วมกับ พี่เลี้ยงหน่วยจัดการ และ พี่เลี้ยงอปท./พี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ ร่วมกันออกแบบกิจกรรมโดยใช้ปฏิทินกิจกรรมโครงการเป็นตัวกำหนด โดยมีแนวทางดังนี้
1. จัดอบรมพัฒนาศักยภาพสภาผู้นำชุมชน
2. ติดตามผลการดำเนินงาน อย่างมีส่วนร่วมของสภาผู้นำชุมชน ชุมชน จำนวน 3 ครั้ง
3. ประชุมสภาผู้นำชุมชนประจำเดือน 12 ครั้ง
4. สภาผู้นำชุมชนเข้าร่วมเวทีสัญจรกิจกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะระดับตำบล ร่วมกับเครือข่ายสภาผู้นำชุมชนอื่น และอปท.เป็นการพัฒนาศักยภาพสภาผู้นำทั้งในและนอกพื้นที่
5. สภาผู้นำชุมชน เวทีสร้างความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครัวเรือนในชุมชน ในการจัดการขยะและจัดทำมาตรการลดขยะ
6. สภาผู้นำชุมชนจัดการเรียนรู้ในเรื่องการคัดแยกขยะและการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากขยะ ในครัวเรือน
7. สภาผู้นำชุมชนจัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิล ประสานภาคีท้องถิ่นสำรวจแหล่งกำเนิดขยะติดเชื้อ ในชุมชนและส่งต่อกับหน่วยงานกำจัดขยะติดเชื้อ เช่น เทศบาลและโรงพยาบาลชุมชน
8. สภาผู้นำชุมชนจัดการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการนำขยะทั่วไป มูลสัตว์และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มาทำปุ๋ยหมักอินทรีย์
9. สภาผู้นำชุมชนจัดการเรียนรู้การปลูกผักปลอดสารพิษโดยใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ใช้วัสดุจาก ขยะเปียก
10. รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ หมู่บ้านปลอดขยะ
11. สภาผู้นำชุมชนจัดการการคัดเลือกบ้านสะอาดต้นแบบโดยให้ชาวบ้านร่วมลงคะแนนคัดเลือก โดยมีหลักเกณฑ์เพื่อให้ครัวเรือนเป็นระเบียบ ไร้ขยะเพื่อสร้างแรงจูงใจในการจัดการขยะของครัวเรือน
12. สภาผู้นำชุมชนจัดเวทีขยายผลแลกเปลี่ยนครัวเรือนตัวอย่าง.
13. สภาผู้นำชุมชนจัดเวทีสรุปทบทวนแลกเปลี่ยนและสร้างความเข้าใจระดับชุมชนเพื่อจัดการขยะ
ทั้งนี้แนวทางในการดําเนินโครงการหรือกลวิธีดําเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาขยะของชุมชน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดผลลัพธ์และตรงกับกลุ่มเป้าหมายปัญหาของชุมชนและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อน เป้าหมาย 10 ประเด็นยุทธศาสตร์ ของ สสส. (ข้อ 10) ชุมชนและท้องถิ่นเข้มแข็ง ในประเด็นการจัดการขยะอีกทั้งในการเก็บรวบรวมข้อมูลก่อน-หลังทุกครั้งมีการนำเสนอในที่ประชุมประจำเดือนเพื่อรายงานความก้าวหน้า และจัดประชุมประชาคมคืนข้อมูลก่อนและหลังดำเนินโครงการให้ประชาชนทราบใช้หลักการติดตามและประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา ARE 3 ครั้ง/ปี การประเมินความเข้มแข็งชุมชน 9 มิติ การประเมินสภาผู้นำชุมชนเข้มแข็ง สำหรับการขับเคลื่อนกลไกสภาผู้นำชุมชน
3.5 กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม การเสริมพลัง การประสานทรัพยากรร่วม ชุมชนบ้านบุญเรือง มีเป้าหมายการทำงานร่วมกับพี่เลี้ยงหน่วยจัดการ/พี่เลี้ยง อปท.และพี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ เพื่อลดปริมาณขยะในครัวเรือนและชุมชน โดยใช้กลไกสภาผู้นำชุมชนแบบมีส่วนร่วมการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ ร่วมคิด ร่วมตัดสินแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน ร่วมใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความรู้และความชำนาญ สนับสนุนติดตามผลการปฏิบัติงานของหมู่บ้านและสภาผู้นำชุมชน ผ่านเวทีประชาคมหมู่บ้าน จากแนวคิดของระบบประชาธิปไตย เป็นกระแสของความคิดที่ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านตระหนักดีว่าการดำเนินงานกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ผู้ที่ได้รับผลกระทบและส่วนได้ส่วนเสียควรเป็นผู้มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะความคิด โดยสร้างกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานและเป็นส่วนสำคัญของแนวคิดการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังนั้น การพัฒนาหมู่บ้านจึงเริ่มจากความต้องการของชุมชนแทนความต้องการของหน่วยงานของรัฐ /พี่เลี้ยงหน่วยจัดการ /พี่เลี้ยง อปท./พี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ มีความรู้ความเข้าใจหลักการพัฒนาชุมชนน่าอยู่ สามารถสนับสนุน หนุนเสริมองค์ความรู้/ทักษะ การใช้เครื่องมือของ สสส. เช่น การติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา ARE การประเมินความเข้มแข็งของชุมชน 9 มิติ การประเมินสมรรถนะสภาผู้นำชุมชนเข้มแข็ง บันไดผลลัพธ์เชิงประเด็น บันไดผลลัพธ์ โมเดล อปท. และการประเมินความสุขของประชาชน เป็นต้น
– เกิดภาคีเครือข่ายในพื้นที่มากกว่า 1 กลุ่ม ได้แก่ เทศบาลตำบลปง ผู้ประกอบการร้านพะเยาวงษ์วานิชย์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลร้องเอี่ยน เป็นต้น และ ภาคีเครือข่ายภายนอกพื้นที่ 5 กลุ่ม ได้แก่ เกษตรอำเภอปง พัฒนาชุมชนอำเภอปง ท้องถิ่นอำเภอปง กศน.อำเภอปง และมหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อเรียนรู้กระบวนการขับเคลื่อนกลไกสภาผู้นำชุมชน เป็นสภาผู้นำชุมชนต้นแบบให้ชุมชนใกล้เคียงได้
– เกิดการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ระหว่าง สภาผู้นำชุมชน พี่เลี้ยงหน่วยจัดการ พี่เลี้ยงอปท. พี่เลี้ยงชุมชนต้นแบบ โดยใช้วิธีการจัดประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน /การประชุมสภาผู้นำชุมชนอย่างน้อยเดือนละครั้ง และมีเรื่องเร่งด่วนจะแจ้งทางโทรศัพท์ การสื่อสารทางสื่อโซเซียล Line เพจ Facebook และเสียงตามสาย
4. ความสำเร็จและผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของชุมชน
4.1 ผลลัพธ์ความสำเร็จเชิงประเด็นที่กลไกสภาผู้นำชุมชน อยู่ในบันไดขั้นที่ 3 – 4 เกิดสภาผู้นำชุมชนเข้มแข็ง สามารถทำงานตามแผนชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อมูลพฤติกรรมและปริมาณการทิ้งขยะของชุมชนที่เป็นปัจจุบัน มีการจัดเก็บขยะอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คือ วันจันทร์และวันศุกร์ จากเดิมที่เก็บทุกวัน มีโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน ที่มีองค์ประกอบครบถ้วนที่ได้รับการยอมรับ จำนวน 27 คน ประกอบด้วย กรรมการหมู่บ้าน 4 คน กรรมการกองทุนหมู่บ้าน 6 คน ตัวแทนอสม.10 คน ตัวแทนผู้สูงอายุ 2 คน ผู้นําทางศาสนา 2 คน ตัวแทนคุ้มบ้าน 2 คน จิตอาสา 10 คน ตัวแทนเยาวชน 2 คน ปราชญ์ชุมชน 2 คน และตัวแทนกลุ่มต่างๆ 6 คน และมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ชัดเจน มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม และมีรายงานการประชุมทุกครั้ง สามารถร่วมตัดสินใจและดำเนินงานต่างๆในชุมชนได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง สามารถดำเนินงานได้ตามบทบาทหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย มีการพัฒนาศักยภาพสภาผู้นําชุมชนที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์ช่องว่างที่ต้องพัฒนาและมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และคืนข้อมูลให้แก่ชุมชน และมีการปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด มีกิจกรรมประชุมสัญจร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนน่าอยู่เทศบาลปง จังหวัดพะเยา จํานวน 2 ครั้ง สภาผู้นําชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะระดับตําบล ร่วมกับเครือข่ายสภาผู้นําชุมชนอื่น และอปท. สภาผู้นําชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะ และระดมทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมาร่วมพัฒนา พร้อมทั้งสามารถเป็นต้นแบบการเสริมสร้างสุขภาพในชุมชน โดยมีบ้านต้นแบบครัวเรือนตัวอย่างการจัดการขยะ จํานวน 50 ครัวเรือน และมีแผนงาน/โครงการ ที่จะดําเนินงานในรอบปีต่อไป โดยเชื่อมโยงกับแผน อปท./ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการวิเคราะห์และระดมทรัพยากรทั้งภายในและนอกชุมชนมาดำเนินงานตามแผนชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของสมาชิกชุมชน มีการบริหารจัดการงบประมาณด้วยความโปร่งใส จัดทำบัญชีรับ จ่าย คืนข้อมูลสมาชิกทุกเดือนและสามารถสื่อสารข้อมูลข่าวสารความก้าวหน้าในการทำงานทุกงานที่ชุมชนดำเนินการให้สมาชิกชุมชนรับทราบอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
4.2 ผลลัพธ์ความสำเร็จเชิงประเด็น “การบริหารจัดการขยะระดับครัวเรือน ระดับชุมชนและระดับตำบล อย่างมีส่วนร่วม ลดปริมาณขยะเหลือทิ้ง” ได้บรรลุผลลัพธ์บันไดขั้นที่ 4 เป้าหมายในการลดปริมาณขยะในชุมชน จากผลการดำเนินงานเชิงประเด็นด้านการจัดการขยะของชุมชนบ้านบุญเรือง พบว่า ตัวแทนครัวเรือน 92 ครัวเรือนมีการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีมีการคัดแยกขยะเพื่อขายสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนไม่มากก็น้อย มีการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพจากขยะเปียกและปุ๋ยหมักทดแทนการใช่ปุ๋ยเคมีเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน มีการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการนําขยะพลาสติก กระดาษ ทําของใช้ เช่นเอี๊ยมกันแปื้อน หมวก ที่ปลูกผักสวนครัว มีการเรียนรู้การปลูกผักปลอดสารพิษโดยใช้ปุ๋ยนํ้าหมักชีวภาพที่ใช้วัสดุจากขยะเปียกเพื่อลดค่าใช้จ่ายและยังได้ผักที่ปลอดสารเคมีและสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนได้ มีการจัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิลจํานวน 1 แห่ง มีการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ หมู่บ้านปลอดขยะ เกิดครัวเรือนตัวอย่างบริเวณบ้านสะอาดเป็นระเบียบ ทุกครัวเรือน ปริมาณขยะในครัวเรือนต่อวันลดลงจาก 7 กิโลกรัมต่อครัวเรือนเหลือ 3 กิโลกรัมต่อครัวเรือน ความสุขของคนในชุมชนเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า ร้อยละ100 มีเทศบาลตำบลปง เข้ามาสนับสนุนต่อจากงบ สสส. กิจกรรมการลดปริมาณขยะในชุมชน ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะได้มีการติดตาม ประเมินผลจากสภาผู้นำชุมชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ของสภาผู้นำชุมชน รวมถึงให้ประชาชนได้ลดปริมาณขยะอย่างต่อเนื่อง
4.3 หลักฐาน/ข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกว่าดำเนินการได้สำเร็จ จากการดำเนินงานชุมชนน่าอยู่ประเด็น “การบริหารจัดการขยะระดับครัวเรือน ระดับชุมชนและระดับตำบล อย่างมีส่วนร่วม ลดปริมาณขยะเหลือทิ้ง” จากการดำเนินงานจัดกิจกรรมโครงการชุมชนน่าอยู่บ้านบุญเรือง โดยสภาผู้นำชุมชนได้ร่วมมือกันดำเนินงานอย่างจริงจังและเข้มแข็ง เป็นต้นแบบและตัวอย่างของการทำงานในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัด
4.4 ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ ครัวเรือน 100 ครัวเรือน เกิดการมีส่วนร่วมในการลด คัดแยกและใช้ประโยชน์จากขยะ มีปริมาณขยะครัวเรือนโดยเฉลี่ย 7 กิโลกรัม/ครัวเรือน/วัน เหลือ 3 กิโลกรัม/ครัวเรือน/วัน
4.5 ปัจจัยที่มีผลต่อความไม่สำเร็จ (ปัญหาและอุปสรรค) การรวมตัวกันเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของสภาผู้นำชุมชนมีจำกัดเนื่องจากภาระหน้าที่ส่วนตัวของสภาผู้นำชุมชน เช่น บางคนไม่อยู่ในพื้นที่ และทำงานต่างพื้นที่ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ หรือบางคนหาเช้ากินค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเต็มที่ แนวทางการแก้ไขของผู้รับผิดชอบโครงการ โดยนัดประชุมหรือจัดกิจกรรม ในวันหยุด เสาร์หรืออาทิตย์ ที่สภาผู้นำชุมชนสามารถร่วมตัวการจัดกิจกรรมได้
4.6 สมรรถนะสภาผู้นำชุมชน และความเข้มแข็งของชุมชนสมรรถนะสภาผู้นำชุมชน อยู่บันไดผลลัพธ์ขั้นที่ 4 เกิดโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน จำนวน 27 คน ที่ได้รับการยอมรับและมีองค์ประกอบครบถ้วน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) คณะกรรมการหมู่บ้าน 2) ผู้นำทางศาสนา 3) ตัวแทนของกลุ่มต่างๆในชุมชน สภาผู้นำชุมชนมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง มีการหารือโครงการ สสส. และประเด็นอื่นๆ ในชุมชน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม สภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ และดำเนินงานต่างๆในชุมชนได้เองทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง สภาผู้นำชุมชนสามารถดำเนินงานได้ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและคืนข้อมูลให้แก่ชุมชน และมีการปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด มีแผนชุมชนพึ่งตนเองจากข้อมูลที่สภาผู้นำชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์ และดำเนินการตามประเด็นที่เลือกจากแผนชุมชน อย่างน้อย 4 ประเด็น และมีการปรับปรุงแผนชุมชนพึ่งตนเองจากข้อมูลที่สภาผู้นำชุมชนร่วมกันวิเคราะห์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง มีการวิเคราะห์และระดมทรัพยากรทั้งภายในและภายนอกชุมชนมาดำเนินงานตามแผนชุมชน เกิดผลสำเร็จเชิงประเด็นภายใต้แผนชุมชนไม่น้อยกว่า 3 ประเด็น โดยมีอย่างน้อย 1 ประเด็นที่สอดคล้องตามเป้าหมาย 10 ปี ของ สสส. ภายใต้การผลักดันของสภาผู้นำชุมชนของสภาผู้นำชุมชน และเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเป้าหมายของโครงการ มีการบริหารจัดการงบประมาณโครงการ สสส. และโครงการอื่นของชุมชน ด้วยความโปร่งใส จัดทำบัญชีรับจ่ายและแจ้งข้อมูลให้สมาชิกในชุมชนทราบทุกเดือน มีการสื่อสารข้อมูลข่าวสารความก้าวหน้าในการทำงานทุกงานที่ชุมชนดำเนินการให้สมาชิกชุมชนรับทราบอย่างน้อยเดือนละครั้ง
สมรรถนะการประเมินความเข้มแข็งของชุมชน 9 มิติ
สมรรถนะการประเมินความเข้มแข็ง | ระดับ | ผลลัพธ์ |
1.ด้านโครงสร้างองค์กร | ระดับ 5 | มีโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน ที่สามารถบริหารจัดการชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
2.ด้านผู้นำ | ระดับ 5 | ผู้นำทุกกลุ่มองค์กรมีความรู้ สมรรถนะในการขับเคลื่อนงานในกลุ่มของตนเองและทำงานร่วมกับกลุ่มอื่นๆในสภาผู้นำ และกลุ่มอื่นนอกชุมชนได้ |
3.ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน | ระดับ 5 | สมาชิกชุมชนเข้าร่วมประชุม และร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 มีผู้แสดง ความคิดเห็น ร่วมตัดสินใจเรื่องการดำเนินงานและมีการเสนอแนะพิจารณาปัญหาใหม่รวมทั้งมีการร่วมติดตามและประเมินผล |
4.ด้านความสามารถในการประเมินปัญหา | ระดับ 4 | สภาผู้นำชุมชนมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการเก็บและดูแลข้อมูลอย่างชัดเจน มีการออกแบบวิธีเก็บและวิเคราะห์ ข้อมูล มีฐานข้อมูลชุมชนที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มีการวิเคราะห์และประเมินปัญหา และมีการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองที่ได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน |
5. ด้านการระดมทรัพยากร | ระดับ 4 | มีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่กำหนด การใช้ทรัพยากรทั้งภายในและภายนอก มีการระดมทรัพยากรจากภายในชุมชนได้ตามแผนชุมชน และมีการระดมทรัพยากรจากภายนอก ภายในได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ของ จำนวนโครงการตามแผนชุมชน |
6. ด้านการเชื่อมโยงกับผู้อื่น | ระดับ 4 | มีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่กำหนดบุคคลหรือองค์กรภายนอกที่ต้องขอความร่วมมือไว้แล้ว สามารถจัดลำดับความต้องการช่วยเหลือจากบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกได้ และมีการแบ่งหน้าที่กันในการติดต่อประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก |
7. ด้านการตั้งคำถามว่า “ทำไม” | ระดับ 4 | มีการ “ถามว่าทำไม” ในการประชุมสภาผู้นำชุมชนเกือบทุกครั้งโดยไม่เกิด ความขัดแย้ง และมีหลายตัวอย่างของ การ”ถามว่าทำไม” ในกลุ่มต่างๆในชุมชน |
8. ด้านการบริหารจัดการ | ระดับ 5 | ชุมชนสามารถเชื่อมโยงการทำงานภายในชุมชนได้ พี่เลี้ยงยังต้องร่วมกับชุมชนกำหนดเรื่องและประเด็นสื่อสารกับภาคีภายนอก,สามารถปรับแผนการทำงานให้บรรลุผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ พี่เลี้ยงให้คำปรึกษาปรับแผนกิจกรรม เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลลัพธ์ และจัดเวทีเรียนรู้ในชุมชนได้เอง พี่เลี้ยงทำหน้าที่ให้คำแนะนำในเวทีเท่านั้น |
9. ด้านความสัมพันธ์กับตัวแทนองค์กรภายนอก | ระดับ 4 | สภาผู้นำชุมชนบริหารจัดการกิจกรรมได้ด้วยตนเอง 80%,สามารถเก็บ /วิเคราะห์ ได้ แต่ยังต้องการคำแนะนำ/ตรวจทานจากพี่เลี้ยง,สามารถวิเคราะห์ช่องว่างได้ แต่ยังต้องให้พี่เลี้ยงช่วยในการแนะนำปรับแผนการทำงานเป็นส่วนใหญ่ และสามารถเป็นต้นแบบ และถ่ายทอดให้คนอื่นๆได้ |
4.7 ผลลัพธ์สมรรถนะสำคัญของพี่เลี้ยงหน่วยงาน ผลลัพธ์ด้านการปรับวิธีทำงานของหน่วยงานพี่เลี้ยงและภาคี ผลลัพธ์สมรรถนะของสภาผู้นำและความเข้มแข็งชุมชน และผลลัพธ์ต่อประเด็นสุขภาพที่จัดบริการร่วม 4.7.1 สมรรถนะที่สำคัญของพี่เลี้ยง อปท.
สมรรถนะที่สำคัญของพี่เลี้ยง อปท. | |
ก่อน | หลัง |
1. พี่เลี้ยงไม่รู้บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง | 1. ได้รับการพัฒนาศักยภาพพี่เลี้ยง อปท. เรื่อง บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ การหนุนเสริม สนับสนุนสภาผู้นำชุมชน เรื่อง การติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา ARE,การประเมินความเข้มแข็งของสภาผู้นำชุมชน การประเมินความเข้มแข็งของชุมชน 9 มิติ |
2. พี่เลี้ยงไม่รู้จักบริบทพื้นที่ของชุมชน | 2. รู้จักบริบทพื้นที่ชุมชน |
3. ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำท้องที่,คณะกรรมการหมู่บ้าน | 3. มีความสัมพันธ์เป็นที่ไว้วางใจกับ ผู้นำท้องที่และสภาผู้นำชุมชน |
- การสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงานในชุมชน
5.1 วิเคราะห์ความเข้มแข็งการประเมินความเข้มแข็งของชุมชน 9 มิติ
5.1.1 จุดอ่อนที่ชุมชนต้องพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็ง (วิเคราะห์ ก่อน-หลัง)
เกณฑ์ประเมิน | ระดับคะแนน | แนวทางการพัฒนา | |
(ก่อน) | (หลัง) | ||
ด้านความสามารถในการประเมินปัญหา | 3 | 4 | – การพัฒนาศักยภาพ หัวข้อ “การออกแบบวิธีเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการวิเคราะห์และประเมินปัญหา และการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง” |
ด้านการตั้งคำถามว่า “ทำไม” | 3 | 4 | – การประชุมประจำเดือน ประธานกระตุ้นเพื่อให้สภาผู้นำชุมชนตั้งคำถามประเด็นที่สภาผู้นำชุมชนสนใจ |
ด้านการบริหารจัดการ | 3 | 5 | – การพัฒนาศักยภาพ หัวข้อ การจัดทำรายงานความก้าวหน้าระบบออนไลน์ การบันทึกบัญชีรับ-จ่าย การเก็บเอกสาร |
ด้านความสัมพันธ์กับตัวแทนองค์กรภายนอก | 3 | 4 | – ฝึกการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนองค์กรภายนอก |
5.1.2 จุดแข็งในการยกระดับเป็นพื้นที่เรียนรู้
เกณฑ์ประเมิน | แนวทางที่ทำให้เกิดความยั่งยืนต่อเนื่องและขยายผล |
1.ด้านโครงสร้างองค์กร | มีโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน ที่สามารถบริหารจัดการชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
2.ด้านผู้นำ | ผู้นำทุกกลุ่มองค์กรมีความรู้ สมรรถนะในการขับเคลื่อนงานในกลุ่มของตนเอง และทำงานร่วมกับกลุ่มอื่นๆในสภาผู้นำ และกลุ่มอื่นนอกชุมชนได้ |
3.ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน | สมาชิกชุมชนเข้าร่วมประชุม และร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 มีผู้แสดง ความคิดเห็น ร่วมตัดสินใจเรื่องการดำเนินงานและมีการเสนอแนะพิจารณาปัญหาใหม่รวมทั้งมีการร่วมติดตามและประเมินผล |
5.ด้านการระดมทรัพยากร | มีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่กำหนด การใช้ทรัพยากรทั้งภายในและภายนอก มีการระดมทรัพยากรจากภายในชุมชนได้ตามแผนชุมชน และมีการระดมทรัพยากรจากภายนอกภายในได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ของ จำนวนโครงการตามแผนชุมชน |
6.ด้านการเชื่อมโยงกับผู้อื่น | มีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่กำหนดบุคคลหรือองค์กรภายนอกที่ต้องขอความร่วมมือไว้แล้วสามารถจัดลำดับความต้องการช่วยเหลือจากบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกได้ และมีการแบ่งหน้าที่กันในการติดต่อประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก |
5.2 ข้อค้นพบจากการดำเนินงานที่สำคัญ สามารถนำไปขยายผลได้
– กลไกสภาผู้นำชุมชน(เกิดภาวะผู้นำ) /กลไกพี่เลี้ยง
วิเคราะห์จุดอ่อน พี่เลี้ยง อปท. | แนวทางการแก้ไข |
1. องค์ความรู้ด้านวิชาการ ของพี่เลี้ยง อปท. เช่น เรื่องการพัฒนาข้อเสนอโครงการ การจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง การประสาน ความสัมพันธ์กับผู้นำท้องที่ การติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา ARE เป็นต้น มีระดับความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ที่ไม่เท่ากัน | 1. ประสานหน่วยงานในพื้นที่ หรือ หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพองค์ความรู้พี่เลี้ยงอปท. เพื่อให้สามารถหนุนเสริมชุมชนได้2. พี่เลี้ยง อปท. ต้องลงปฏิบัติพื้นที่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ |
2. ระยะเวลาการปฏิบัติงาน เนื่องจากพี่เลี้ยง อปท.ที่ได้รับมอบหมาย หรือ จิตอาสา มีภาระหน้าที่รับผิดชอบงานประจำค่อนข้างมาก | 2. พี่เลี้ยง อปท. ต้องมีการวางแผนระยะเวลาการปฏิบัติงาน โดยให้มีปฏิทินของสภาผู้นำชุมชน เพื่อให้เป็นตัวกำหนดระยะเวลาการทำงาน |
3. การเข้าร่วมประชุมประจำเดือน เฉพาะพี่เลี้ยง อปท./Sc น้อย ไม่สม่ำเสมอ ทำให้การประสานงาน วางแผนการทำงานหนุนเสริมชุมชน เป็นภาระให้พี่เลี้ยง SC ต้องทำหน้าที่เป็นกำลังหลักในการลงพื้นที่ | 3. สร้างข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างพี่เลี้ยง อปท.ที่ชัดเจนเรื่องการเข้าร่วมประชุมประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง |
วิเคราะห์จุดแข็ง พี่เลี้ยง อปท. | แนวทางการพัฒนา |
1. พี่เลี้ยง อปท. / SC มีการร่วมแรง ร่วมมือปฏิบัติ การดำเนินกิจกรรมให้สามารถบริหารงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ | 1. การวางแผนกำหนดปฏิทินการทำงานให้ชัดเจนและสม่ำเสมอ มีรายงานการประชุมทุกครั้ง เพื่อรายงานความก้าวหน้าให้ผู้บริหารท้องถิ่นรับทราบ |
2. พี่เลี้ยง SC มีความรู้/ประสบการณ์ สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้คำแนะนะหรือเป็นที่ปรึกษาที่ดี ให้กับคณะทำงาน (พี่เลี้ยง อปท.) ได้ | 2. การพัฒนาองค์ความรู้ พี่เลี้ยง อปท./SC ที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและบริหารจัดการโครงการอย่างมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น โดยขอสนับสนุนบุคลากรจากภาคีเครือข่าย เข้ามาเป็นแรงเสริมในการดำเนินงาน |
3. ผู้บริหารท้องถิ่น(นายกฯ) มีความเข้าใจเรื่องการพัฒนาชุมชนน่าอยู่ด้วยกลไกสภาผู้นำชุมชนชัดเจน / เห็นความสำคัญของหมู่บ้านหรือสภาผู้นำชุมชน ช่วยเหลือกระบวนการทำงานแม้ไม่มีการร้องขอ | 3. ผู้บริหารท้องถิ่น,สมาชิกสภาเทศบาล,ข้าราชการ,พนักงาน,ลูกจ้าง มีความเข้าใจเรื่องการพัฒนาชุมชนน่าอยู่ด้วยกลไกสภาผู้นำชุมชน และเข้ามาช่วยเหลือกระบวนการทำงานของสภาผู้นำชุมชน โดยใช้หลักการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างพี่เลี้ยง อปท.และสภาผู้นำชุมชน |
5.3 แนวทางการพัฒนาตนเองของทีมสภาผู้นำชุมชนเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น (ทางด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ) แนวคิด 3 ห่วง เศรษฐกิจพอเพียง ชุมชนมีความสามารถในการจัดการตนเอง มีแผนพัฒนาชุมชน มีการนำมาปฏิบัติใช้/แผนหรือระบบจัดการ ระบบช่วยเหลือ โดยการจัดทำแผนหรือปฏิทินกิจกรรมต่าง ๆ ล่วงหน้า มีแนวทางการป้องกันปัญหาที่เคยเกิดขึ้นแล้วในชุมชน ไม่ให้เกิดซ้ำ การประเมินความเสี่ยง ระบบเฝ้าระวังมีแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง โดยมีการศึกษาการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ความสามารถในการปรับ การฟื้นตัวจากปัญหาที่เกิดในชุมชน ทางสภาผู้นำชุมชนจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยจากสภาผู้นำชุมชนที่มีความหลากหลาย และประสบการณ์ทำงาน จึงง่ายต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดี
ข้อสังเกต/สิ่งดีๆ ที่ค้นพบ/บทเรียนที่ได้
1. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของโครงการ เกิดจากความร่วมมือและความตั้งใจของสภาผู้นำชุมชน โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบโครงการที่มีภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ สามารถบริหารจัดการโครงการให้ดำเนินไปได้ตามวัตถุประสงค์และระยะเวลา จนส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ได้กำหนดไว้
2. การมีพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชุมชนเข้าใจกระบวนการทำงานขับเคลื่อนชุมชนน่าอยู่ภายใต้การทำงานของทีมสภาผู้นำชุมชนเพิ่มมากขึ้น
3. เกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นในชุมชน เช่น ตะกร้าจากกล่องนม / ถังขยะจากขวดน้ำ
นวัตกรรม: ตะกร้าจากกล่องนม
ลักษณะนวัตกรรม: การรื้อฟื้นสิ่งดีๆ ที่เคยมีในชุมชนมาปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
รายละเอียดนวัตกรรม: 1.นํากล้องนมมาล้าง 2.ตัดกล่องนมเป็นเส้นให้เท่ากัน 3.นํามาสานต่อๆกัน 4.เสียบโครงไม้ 5.นําเชือกฟางมารัดไม้ 6.จัดทรงให้สวยงาม
การนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์: ใช้สําหรับใส่สิ่งของเพื่อลดถุงพลาสติก
นวัตกรรม: ถังขยะจากขวดน้ำ
ลักษณะนวัตกรรม: การรื้อฟื้นสิ่งดีๆ ที่เคยมีในชุมชนมาปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
รายละเอียดนวัตกรรม: 1.ทำโครงเหล็กถังขยะก่อน 2.นำขวดน้ำเปล่ามาประกบโดยใช้กาวปืนหรือลวดมัดให้ติดกัน 3.ทำให้ครบทั้งสองด้านของโครงเหล็ก 4.ด้านที่เป็นฐานก็ทำเหมือนด้านข้าง 5.นําถุงดำใส่ด้านในถังขยะ 6.พับปากถุงให้เรียบร้อยสวยงาม
การนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์: ใช้สําหรับใส่ขยะ/สิ่งของเพื่อลดการซื้อตะกร้าพลาสติก