ปากน้ำปราณอยู่เย็นเป็นสุข ด้วยพลังผู้สูงวัย “ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า”
ปากน้ำปราณอยู่เย็นเป็นสุข ด้วยพลังผู้สูงวัย “ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า”
ในวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัด ผู้สูงอายุถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนชุมชนหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ตลอดจนคุณภาพของชีวิตของทุกคน อย่างเช่นที่บ้านปากน้ำปราณ หมู่ 2 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีกหนึ่งชุมชนซึ่งผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของชุมชน โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
ที่ตำบลปากน้ำปราณมีประชากรราวหนึ่งหมื่นคนมีจำนวนผู้สูงอายุจำนวน 600 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการประมงและแปรรูปอาหารทะเล ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนริมชายฝั่งที่ส่วนใหญ่ล้วนทำอาชีพประมง แต่ละคนจึงไม่มีเวลาว่าง เพราะต้องออกเรืออยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนและดูแลสุขภาพร่างกายเท่าไหร่นัก
มนัส พริ้งตระกูล ประธานชมรมผู้สูงอายุบ้านปากน้ำปราณ กล่าวว่า เขาและกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนจึงจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุปากน้ำปราณขึ้น เพื่อคอยดูแลผู้สูงอายุ โดยทำงานร่วมกันกับ อสม. ในการออกเยี่ยม และตรวจคัดกรองสุขภาพ ส่งเสริมการดูแลสุขภาพของผู้สุงอายุ ทั้งด้านร่างกายและการรับประทานอาหาร ขณะเดียวกันทางชมรมผู้สูงอายุยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและดูแลชุมชนร่วมกับคนหนุ่มสาว
ที่สำคัญได้มีการตั้งกองทุนผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหลักประกันคุณภาพชีวิตของชาวตำบลปากน้ำปราณ ที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย มีสิทธิในการเป็นสมาชิก และจะได้รับสวัสดิการไปตลอดชีวิต
ประธานชมรมผู้สูงอายุบ้านปากน้ำปราณ กล่าวถึงกองทุนผู้สูงอายุว่า แม้ชื่อจะบอกว่าของผู้สูงอายุ แต่คนทุกเพศ ทุกวัย อายุไม่เกิน 75 ปี สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนนี้ได้ โดยค่าธรรมเนียมแรกเข้าจะต้องจ่ายเงิน 150 บาท และเสียค่าบำรุงรักษาสถานภาพเดือนละ 50 บาท ปัจจุบันมีเงินในกองทุนรวมกว่า 600,000 แสนบาท สิทธิสมาชิกที่จะได้นั้น เช่น เสียชีวิตได้ 10,000 บาท หากเจ็บป่วยหรือนอนโรงพยาบาลเบิกได้ 1,000 บาทต่อคืน และใช้สิทธิ์ได้ 3 ครั้งต่อปี ซึ่งเงินกองทุนในส่วนนี้ถือเป็นสวัสดิการหนึ่งที่เรามอบให้กับชุมชนช่วยแบ่งเบาภาระไปได้บางส่วนหนึ่ง
ขณะเดียวกันในในปี พ.ศ.2560 ทางชมรมผู้สูงอายุร่วมสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการจัดทำโครงการ สร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน เพื่อให้ผู้สูงอายุบ้านปากน้ำปราณได้มีสุขภาพดีทั้งทางร่างกายและจิต
อาทิตย์ คงสมุทร เลขาธิการชมรมผู้สูงอายุบ้านปากน้ำปราณ กล่าวถึงการเข้าร่วมโครงการนี้ว่า หลังจากที่เราเริ่มก่อนตั้งชมรมและทำงานมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ก็อยากทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกดูบ้าง จึงได้เข้าร่วมโครงการกับ สสส. เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้สูงอายุในชุมชน โดยเริ่มจากการตั้งคณะกรรมการทำงานจำนวน 9 คน จัดประชุมชี้แจงและความคืบหน้าโครงการทุกวันที่ 4 ของเดือน มีการออกกำลังกายด้วยการรำไม้พลองอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ส่วนด้านสุขภาพจิต ทางชมรมจัดกิจกรรมสวดมนต์ไหว้พระในทุกวันพระ ขณะเดียวกันยังได้จัดทีมตรวจเยี่ยมผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 4 ราย ไปพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเขา มีข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือไปเยี่ยม คนแก่และลูกหลานก็ดีใจที่ยังมีคนไปเยี่ยมเยือน เป็นการให้กำลังใจกันทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
ขณะเดียวกันทางชมรมฯยังทำงานร่วมกับ อสม. ในการออกเยี่ยมตรวจคัดกรองโรค และการให้คำปรึกษาการดูแลสุขภาพ ซึ่งโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่ที่พบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดไขมันอุดตัน โดยจะให้ความรู้ทั้งด้านการดูแลสุขภาพร่างกายและการควบคุมการบริโภคอาหารอีกด้วย
“ในการลงไปเยี่ยมบ้านของอสม.บางครั้งอาจจะไม่มีเวลามากพอ เพราะต้องรับผิดชอบหลายครัวเรือน แต่ถ้าเราลงไปในนามชมรม ไปกันหลายคน เรามีเวลาอยู่กับเขา มีเวลาพูดคุยเป็นเพื่อนกับเขาได้อย่างเต็มที่ เป็นลักษณะของเพื่อนเยี่ยมเพื่อนมากกว่าหมอไปเยี่ยมคนป่วย” ลุงอาทิตย์ กล่าว
ความเข้มแข็งของชมรมผู้สูงอายุบ้านปากน้ำปราณ ทำให้วันนี้จึงเป็นชุมชนที่ขับเคลื่อนได้ด้วยพลังของผู้สูงวัยที่ใช้ความเจนจัดของประสบการณ์ชีวิต “ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า” มาร่วมกันออกแบบชุมชนให้อยู่ในกรอบมีทิศทางที่ควรจะเป็น เพื่อให้ทุกอยู่เย็นเป็นสุข