“ชุมชนบ้านต้นเหรียง” รวมพลังป้องกันอุบัติเหตุจราจร
“ชุมชนบ้านต้นเหรียง” รวมพลังป้องกันอุบัติเหตุจราจร
สร้าง “กติกาชุมชน” เคารพกฎ มีวินัย ปลอดภัยทุกเส้นทาง
จากข้อมูลและสถิติที่รวบรวมไว้พบว่า อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งคืออุบัติเหตุจากการจราจรบนท้องถนน โดยมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากไม่เว้นในแต่ละวัน ยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุดติดต่อกันมักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากกว่าปกติ และสาเหตุหลักล้วนมาจากความประมาทและขาดวินัยจราจรนั่นเอง
ที่ชุมชน บ้านต้นเหรียง ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีทางหลวงหมายเลข 401 ถนนสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ตัดผ่านใจกลางชุมชนซึ่งมีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ทั้ง 2 ฝั่งถนนมีตลาด โรงเรียน วัด และอาคารพาณิชย์ตั้งอยู่หนาแน่น แต่ไม่มีเกาะกลางถนนเพื่อแบ่งแยกช่องทางฝั่งขาเข้า-ขาออกอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไม่คุ้นเคยเส้นทางยังคงใช้ความเร็วสูงเหมือนขับขี่อยู่นอกเขตชุมชน ขณะเดียวกันก็มีสี่แยกกลางชุมชนที่มีการจราจรหนาแน่นขวักไขว่ และมักมีรถจักรยานยนต์ขับย้อนเส้นทาง ปัจจัยเหล่านี้นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น
สมาชิกชุมชนบ้านต้นเหรียงเห็นว่าหากปล่อยไว้อาจนำมามาซึ่งความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง เครือข่ายภาคประชาชนจึงร่วมกันดำเนิน โครงการ “ต้นเหรียงปลอดภัยด้วยวินัยจราจร” โดยการสนับสนุนของ สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อหาแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุมาตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2559
หลังจากเกษียณอายุราชการครู สุนทร รักบำรุง ประธานชมรมคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนบ้านต้นเหรียง ใช้เวลามาทำงานเพื่อสาธารณะ ลงสำรวจพื้นที่และทำแผนที่ชุมชน และได้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุจากจราจรที่รวบรวมไว้ระหว่างปี พ.ศ.2556- พ.ศ.2557 ที่พบว่าเกิดอุบัติเหตุในเส้นทางดังกล่าว 19 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 21 ราย เสียชีวิต 7 ราย และในระหว่างปี พ.ศ. 2557- พ.ศ. 2558 มีเกิดอุบัติเหตุ 31 ครั้ง บาดเจ็บ 34 ครั้ง เสียชีวิต 1 ราย
จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่าอุบัติเหตุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราการตายลดน้อยลงเนื่องจากทาง “ชมรมคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนบ้านต้นเหรียง” ได้ขอให้แขวงการทางนครศรีธรรมราช นำเสาล้มลุกมาติดตั้งเพื่อให้ผู้ใช้รถชะลอความเร็วลง และมีการติดตั้งป้ายเตือนการเข้าเขตชุมชนให้ลดความเร็ว แต่ก็ยังเกิดอุบัติเหตุอยู่ จึงได้จัดเวทีประชาคมเพื่อคืนข้อมูลการสำรวจชุมชนและระดมความคิดเห็นวิเคราะห์จุดเสี่ยงและออกแบบแก้ไขปรับปรุงจุดเสี่ยงร่วมกัน ซึ่งสามารถสรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ 6 กลุ่ม คือ ฝ่าฝืนกฎ ประมาท ขาดจิตสำนึก ขาดทักษะ สภาพทาง และการบังคับใช้กฎหมายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
หลังจากการจัดทำเวทีประชาคมก็เกิดเป็นกติกาชุมชน “งดพฤติกรรมเสี่ยง หลีกเลี่ยงถนนใหญ่ ธุระใกล้ไม่ใช้รถ ทำตามกฎ งดย้อนศร” ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงจุดเสี่ยงบริเวณทางร่วมทางแยกที่มีสิ่งบดบังทัศนวิสัยการขับขี่ จัดกิจกรรมจิตวิทยาโดยนิมนต์พระมา “สวดถนนต่ออายุ” ให้กับผู้ขับขี่ เพื่อสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้กับคนในชุมชน
“แนวทางแก้ไขที่มีความเห็นร่วมกันคือ จัดทำป้ายห้ามขับย้อนศร ขจัดสิ่งกีดขวางบนทาง ติดสัญญาณไฟเตือน กำหนดจุดกลับรถที่ชัดเจน ปลอดภัยและไม่ไกลเกินไป สร้างจิตสำนึกให้กับผู้ใช้ทาง จำกัดความเร็ว ซึ่งชุมชนเพิ่งจะได้มีป้ายเตือนให้ลดความเร็ว และอยากให้มีตำรวจจราจรมาอยู่ประจำบังคับใช้กฎหมาย เพราะยังไม่เห็นผล เรากำลังทำหนังสือขอไปยังศูนย์ดำรงธรรม คิดว่าน่าจะดีขึ้น” ประธานชมรมคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนน ระบุ
ขณะที่ จำรัส เพชรทับ นายกสโมสรโรตารี่สิชล-นครศรีธรรมราช อธิบายเสริมว่า ตลาดต้นเหรียงอยู่ติดถนน มีถนนตัดผ่าน ลักษณะแคบ ไม่มีเกาะกลางถนนและไม่มีการจำกัดความเร็ว ตลอดเส้นทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีโรงเรียน 5 แห่ง มีวัดและอาคารพาณิชย์ ทำให้เกิดอุบัติเหตุเกือบทุกวัน เพราะไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร
“ตรงนี้เป็นชุมชน มีตลาด มีวัด มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยววัดเจดีย์ไอ้ไข่ เราพยายามแก้ปัญหา ขอไปทางอำเภอแต่ก็ไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือ พวกเราจึงมาช่วยกัน จัดทำเวทีประชาคมและมีข้อเสนอออกมา แนวทางแก้ไขก็คือการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ขอการสนับสนุนทางตำรวจสิชลให้มาช่วยด้วย และประสานกับแขวงการทาง ให้มาปรับปรุงจุดเสี่ยง ติดตั้งป้ายเตือนต่างๆ” จำรัสกล่าว
ทางด้าน บุญรัตน์ เกื้อนุ้ย อาจารย์โรงเรียนวัดขรัวช่วย บ้านต้นเหรียง หนึ่งในเครือข่าย กล่าวว่าได้ทำกิจกรรมให้นักเรียนระดับชั้น ป.4- ม.3 ร่วมกันแต่งคำขวัญลดอุบัติเหตุ “ขับขี่บนถนน ทุกคนใส่ใจ รู้กฎวินัย ปลอดภัยทุกเส้นทาง” และให้นักเรียนเขียนคำขวัญไปติดที่บ้านเพื่อนเตือนผู้ปกครองไม่ประมาทในการใช้รถใช้ถนนทุกครั้ง และเชื่อมั่นว่าเยาวชนมีส่วนสนับสนุนในเรื่องนี้ได้
ซึ่งหลังจากดำเนินโครงการฯ ได้มีการบันทึกอุบัติเหตุโดยเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สถานีตำรวจภูธรตำบลเสาเภา พบว่าเกิดมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้ง และมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย โดยหนึ่งในผู้บาดเจ็บเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งพบว่าผู้ที่ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้รถจากพื้นที่อื่นไม่คุ้นชินเส้นทาง แต่โดยภาพทั้งปัจจัยเสี่ยงและจำนวนการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
การเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุของชาวบ้านต้นเหรียง นับเป็นกระบวนการทำงานที่สร้างให้สมาชิกในชุมชนตระหนักและเห็นความสำคัญของการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดยหันมาร่วมพลังกันขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เป็นต้นแบบในการพึ่งพาตนเองให้กับชุมชนอื่นๆ ได้ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ภาครัฐยืนมือเข้ามาช่วยทุกครั้งแต่อย่างใด.