นวัตกรรม “ชาห้าถ้วย” สู้โรคเรื้อรังที่ “ชุมชนบ้านไม้ขาว”

นวัตกรรม “ชาห้าถ้วย” สู้โรคเรื้อรังที่ “ชุมชนบ้านไม้ขาว”

สานสายใยชุมชนร่วมพลังป้องกัน “โรคเบาหวาน-ความดัน

หลายปีมานี้ สถิติการเป็นโรคเรื้อรังแบบไม่ติดต่อของคนไทยอันได้แก่ “เบาหวาน” และ “ความดัน” เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ และนอกจากผู้ป่วยสูงอายุแล้ว มีแนวโน้มที่คนวัยทำงานและเด็กในวัยเรียนจะเป็นโรคเรื้อรังสองชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมทั้งการใช้ชีวิตที่ออกกำลังกายน้อยลง และบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขบัญญัตินั่นเอง

รสหวาน เป็นรสชาติที่แทบทุกคนไม่ปฏิเสธความชื่นชอบ จากข้อมูล 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยบริโภคน้ำตาลในอัตราที่สูงขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยคนละประมาณ 34 กิโลกรัมต่อปี สาเหตุมาจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของผู้ผลิตที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากกินมากขึ้น อีกประการหนึ่งคือพฤติกรรมการกิน ที่พ่อแม่มักให้ลูกกินหวานตั้งแต่เด็ก จึงติดอาหารรสหวานไปจนโต กลายเป็นพฤติกรรมจากรุ่นสู่รุ่น ปัญหานี้จึงแก้ยาก เช่นเดียวกับการติดรสเค็ม ผู้ที่กินเค็มมักจะกินเค็มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเคยชิน และในที่สุดก็มักจะติดการกินอาหารรสจัดทั้งหวานและเค็มจนกระทั่งนำมาสู้โรคเรื้อรังที่สำคัญคือเบาหวานและความดันในที่สุด

ที่ บ้านไม้ขาว อำเภอถลาง ชุมชนชายทะเลตอนเหนือของเกาะภูเก็ต ยังคงวิถีชีวิตกึ่งชนบทประสานกับการรองรับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว ที่นี่เป็นชุมชนที่ดำรงทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาและเศรษฐกิจชุมชนไว้ได้อย่างดีเยี่ยมภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ขณะเดียวกัน นอกจากหาดไม้ขาวจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับ Amazing Thailand ด้วยการเป็น “หาดชมเครื่องบิน” ที่โด่งดังไปทั่วโลก ยังมีความเข้มแข็งต่อการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสะท้อนผ่านการจัดการท่องเที่ยววิถีชุมชนภายใต้สโลแกน “นาผืนสุดท้ายของภูเก็ต” “สปาทราย” และสินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่น “จักจั่นทะเลแปรรูป”

แม้ว่าจะเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตกึ่งชนบทใกล้ชิดธรรมชาติ มีทุ่งนาป่าเขาและชายทะเล แต่ปัญหาทางด้านสุขภาวะของชุมชนก็ยังน่าเป็นห่วงไม่ต่างจากชุมชนเมือง โดยเฉพาะปัญหาโรคเรื้อรังจากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตสร้างปัญหาให้แก่ผู้สูงอายุไปจนกระทั่งวัยทำงานและเด็ก

โชคดีที่ความเข็มแข็งของชุมชนนี้มีหลากมิติรวมไปถึงมิติด้านสุขภาพ จากโรงพยาบาลในชุมชนจากจุดกำเนิดชมรมออกกำลังกายของผู้สูงอายุ ขยายผลเข้าสู่กิจกรรมทางสุขภาวะในหลายด้านรวมถึงความรู้ด้านโภชนาการจนเกิดนวัตกรรมการตรวจวัดพฤติกรรมการกินหวานกินเค็มในชื่อ “ชาห้าถ้วยน้ำปลาห้าถ้วย” ภายใต้ โครงการสานสายใยรักบ้านไม้ขาวร่วมจัดการโรคเรื้อรัง โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จนเกิดการพัฒนาองค์ความรู้ไปสู่การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและสร้างความเข้มแข็งของสภาผู้นำ ที่สามารถขยายผลสรรหารูปแบบการจัดการชุมชนแห่งนี้ได้อย่างเป็นระบบ และพัฒนาต่อยอดไปได้อย่างต่อเนื่อง

 

“เรื่องชา 5 ถ้วยได้คิดค้นขึ้นเพราะชุมชนกินหวานมาก ก็เลยมีความคิดขึ้นมาว่า ชา 5 ถ้วย จะวัดระดับน้ำตาลของแต่ละคนได้ว่าอยู่ระดับไหน มีอยู่ 5 ระดับ ระดับที่ 1 ไม่หวาน ระดับที่ 2 คือหวานนิดหนึ่ง ระดับที่ 3 อยู่ที่ปานกลาง ระดับที่ 4 จากปานกลางขึ้นไปนิดหนึ่ง พอ 5 คือหวานฉ่ำเลย พอวัดแล้วแต่ละคนจะรู้ว่าตัวเองกินหวานระดับน้อย ปานกลาง และสามารถแนะนำให้กับคนในชุมชนได้ว่าเราต้องการให้เขาลดเรื่องน้ำตาลลงมากน้อยแค่ไหน” สายฝน แปลกฤทธิ์ ประธาน อสม. ผู้รับผิดชอบโครงการชาห้าถ้วยฯ เล่าถึงที่มา

กิจกรรมวัดระดับความหวานด้วยชาห้าถ้วยถูกทดลองใช้ในเด็กด้วย ซึ่งจากการติดตามพบว่าได้ผลดี ด.ช.ธนกุล แปลกฤทธิ์ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านไม้ขาว ผู้ผ่านการทดสอบด้วยการกินหวานและเค็มระดับ 3 เท่ากันได้รับคำแนะนำว่าควรลดทั้งหวานและเค็มลงแถมยังสนุกกับการตรวจวัดด้วย

“ชอบกินข้าวใส่แม๊กกี้ ตอนนี้ก็ใส่น้อยๆ ของหวานก็กินน้อย ไม่กินบ่อยๆ ไม่กินทุกวันเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็บอกแม่ทำกับข้าวเค็มน้อยๆ” ด.ช.ธนกุลเล่าถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

จากชาห้าถ้วยซึ่งสามารถวัดค่าระดับการกินหวานของแต่ละบุคคล ได้ถูกพัฒนามาเป็นน้ำปลาห้าถ้วยวัดสำหรับวัดระดับการกินเค็มต่อ โดยใช้ไข่เจียวที่เติมน้ำปลามากน้อยต่างกันเป็นเครื่องมือทดลอง ผลที่ได้ก็คือผู้ที่เข้าตรวจวัดจะรู้ค่าระดับการกินหวานและเค็มของตนเองและได้รับคำแนะนำในการลดการกินหวานและกินเค็มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้ได้กับทุกระดับอายุ และนอกจากนั้นคณะทำงานยังมีการติดตามพฤติกรรมการกินของกลุ่มเป้าหมายโดยกิจกรรมการเยี่ยมบ้านและการทดสอบชาห้าถ้วยฯ ซ้ำเพื่อวัดผลด้วย

“ตั้งแต่เราได้กลุ่มเป้าหมาย คนมีอายุ 60 ปีขึ้นไป พยายามให้เขาลดเรื่องของความหวานความเค็ม หลังจากนั้นก็มีควบคุมอาหาร จะมีสมาชิกที่เป็นคณะกรรมการไปตามแต่ละบ้าน มีสมุดเล่มหนึ่ง จดบันทึกการกินอาหาร วันนี้คุณกินอะไร มีอะไรบ้าง ระยะเวลาที่ทำอยู่หกเดือน ในหกเดือนนี้เราใช้นวัตกรรมชา 5 ถ้วย คัดกรอง จดสถิติเอาไว้ เดือนนี้อยู่ในระดับไหน เดือนแรกอยู่ระดับไหน เราทำทั้งสองอย่างได้ สัก 6 เดือน พอ 6 เดือนหลังเราก็มาวัดระดับเขาอีกทีหนึ่งว่าระดับลดหรือเพิ่ม ถ้าเพิ่มคุณต้องปฏิบัติตัวเพิ่มเติม หมายถึงว่าต้องออกกำลังกายในครัวเรือนเพิ่มเติม และควบคุมอาหาร 2 อย่างนี้เพิ่มเติมอีก

ผ่านไป 6 เดือน เราสามารถทำให้ผู้สูงอายุลดพฤติกรรมการกินหวานเค็มไปได้มาก แม้ไม่เต็มที่ 100เปอร์เซ็นต์เพราะผู้สูงอายุมักจะเป็นเบาหวานและความดันมาก่อนอยู่แล้ว แต่ก็ได้ผลหากนับพฤติกรรมการลดเค็มหวาน” มาโนช สายทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านไม้ขาว สรุปผลสำเร็จของโครงการ

เริ่มจากการที่ชุมชนตระหนักรู้และใส่ใจในสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับการสนับสนุนของ สสส. ผลของการมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็งและมีทีมปฏิบัติการในรูปแบบสภาผู้นำและมีระบบการจัดการที่ดีสร้างความสำเร็จให้แก่ชุมชนโดยมุ่งไปสู่การมีสุขภาวะ โดยมีเป้าหมายที่จะต้องทำต่อไปนั่นก็คือ การย้อนมองไปที่ต้นตอปัญหาคือ “อาหารการกินและการออกกำลังกาย” ชุมชนบ้านไม้ขาวจึงพัฒนารูปแบบจากต้นทุนที่มีอยู่คือเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงอยู่แล้วขยายผลไปสู่การปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการบริหารร่างกายไปในตัว

 

“มีผู้สูงอายุที่ออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมทางด้านสุขภาพ นอกจากนั้นยังปลูกผักกินเองในครัวเรือน เป็นผักปลอดสารพิษ ด้านขยะ  ก็มีการคัดแยกขยะในครัวเรือน ทำน้ำหมักชีวภาพ เมื่อทำกันเองสุขลักษณะก็ปลอดภัย สังเกตดูสุขภาพเขาดีขึ้น กิจกรรมที่ว่าเขาได้ทั้งปลูกผักครัวเรือนกินเอง ได้ออกกำลังกายตรงนั้นได้ด้วย” ผู้ใหญ่มาโนชระบุ

ภาพของ ป้าวิไล ชุมจันทร์ กับ ป้าวิรุณ แก้วแดง กรรมการหมู่บ้าน ที่ช่วยกันปลูกพืชผักสวนครัวเป็นตัวอย่างให้กับคนในชุมชนเล่าเรื่องได้ว่า นอกจากได้ผลผลิตน่าชื่นใจแล้วยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัว และฉายภาพให้เห็นว่าผู้สูงอายุได้ต่อสู้กับปัญหาของโรคเรื้อรังได้อย่างมีประโยชน์และความสุข เช่นเดียวกับเสียงดนตรีในยามเย็นที่ดังมาจากอาคารในโรงพยาบาลชุมชนที่เป็นจุดเริ่มต้นการออกกำลังกายของผู้สูงอายุมานับสิบปีขับขานเรื่องราวว่า ทุกวันจันทร์ถึงพฤหัส ตั้งแต่สี่โมงเย็น เหล่าผู้สูงอายุชาวบ้านไม้ขาวจะมารวมตัวกันเต้นรำในท่วงท่าต่างๆ เพื่อการสังสรรค์และสันทนาการอันเป็นความสุขที่ทำให้ชีวิตยืนยาวปลอดโรคภัย

 บ้านไม้ขาวจึงเป็นชุมชนต้นแบบที่ใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชนเข้ามาดูแลแก้ปัญหาต่างๆ ของชุมชน ควบคู่ไปกับการป้องกันดูแลสุขภาพของสมาชิกทุกช่วงวัย ที่พร้อมก้าวไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือการเป็นชุมชนสุขภาวะที่ยั่งยืน.

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ