
บทเรียนโครงการชุมชนน่าอยู่: โมเดล รพ.สต.บ้านซอโอ พื้นที่บ้านห้วยนกแล ม.9 จ.ตาก
บทเรียนการดำเนินงานของกลไกการดำเนินงานโครงการชุมชนน่าอยู่ โมเดล รพ.สต.บ้านซอโอ
พื้นที่โครงการชุมชนน่าอยู่บ้านห้วยนกแล หมู่ 9 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
โดย นางสาวปาณิสรา แก้วบุญธรรม
ทีมสนับสนุนวิชาการ หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ
1.บริบทของพื้นที่ (คล้ายหลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ที่มาของปัญหาพื้นที่)
บ้านห้วยนกแล ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 เกิดจากการที่คนไทยย้ายถิ่นฐานมาประกอบอาชีพรวมกันจากหลายภูมิภาค เช่น สระบุรี อุทัยธานี พิจิตร พิษณุโลก นครปฐมอยู่เป็นจำนวนมาก ชื่อ บ้านห้วยนกแล นั้นมีที่มาจากลำห้วยแห่งหนึ่งของหมู่บ้านมีนกแก้วชุกชุม คำว่า ห้วยนกแล นั้นได้มาจากชนเผ่าม้งที่มาต่อนกแก้วในลำห้วย ดังนั้น จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านห้วยนกแล นกแลหรือนกแก้วนั่นเอง เดิมหมู่บ้านห้วยนกแล ขึ้นการปกครองอยู่กับบ้านซอโอ หมู่ที่ 2 ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 จึงแยกออกมาตั้งอยู่หมู่ที่ 9 ตำบลช่องแคบ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของที่ว่าการอำเภอพบพระ ระยะทาง 18 กิโลเมตร ห่างจากศาลากลางจังหวัดตาก เป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร มีพื้นที่หมู่บ้านประมาณ 25 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 11,621 ไร่ อาณาเขต ทิศเหนือติดต่อบ้านเจดีย์โคะ หมู่ที่ 6 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทิศใต้ติดต่อบ้านดอนเจดีย์ หมู่ที่ 7 ตำบล ช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ทิศตะวันออกติดต่อบ้านสามร้อยยอด หมู่ที่ 14 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และทิศตะวันตกติดต่อบ้านทีกะเป่อ หมู่ที่ 5 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก การคมนาคมในหมู่บ้าน ถนนลาดยาง 3 สาย ระยะทาง 10 กิโลเมตร ถนนคอนกรีต 4 สาย ระยะทาง 1 กิโลเมตร ถนนลูกรัง 10 สาย ถนนดิน 2 สาย ระยะทาง 2,400 กิโลเมตร จากข้อมูล จปฐ. ปี 2554 จำนวน 297 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 539 คน แยกเป็น ชาย 270 คน หญิง 269 คน และจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มีครัวเรือน 578 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 1,336 คน แยกเป็นชาย 734 คน หญิง 602 คน อาชีพหลัก ส่วนใหญ่มีอาชีพ ทำการเกษตร จำนวน 96 ครัวเรือน ได้แก่ ปลูกกุหลาบ ทับทิม ส้มโอ พริก มะเขือเทศ ข้าวโพด ผักกาด กระเทียม เป็นต้น อาชีพค้าขาย จำนวน 13 ครัวเรือน ส่วนใหญ่รับซื้อพืชไร่ พืชสวนไปขาย อาชีพเสริม เลี้ยงสัตว์ จำนวน 18 ครัวเรือน ได้แก่ โค แพะ หมู ปลา และไก่รับจ้าง จำนวน 16 ครัวเรือน ได้แก่ รับจ้างทั่วไป รายได้เฉลี่ยของคนในหมู่บ้าน 38,167 บาท/คน/ปี (ข้อมูล จปฐ.ปี 2554) ผลิตภัณฑ์มวลรวมของหมู่บ้าน (GVP) ประมาณ 27,174,800 บาท
ปัญหาที่มีในชุมชน ได้แก่ การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 โรคไข้เลือดออก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง) อุบัติเหตุทางถนน การเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง (มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้) การบริโภคผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี ขาดการออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ การระบาดของยาเสพติดและฟื้นฟูผู้เสพคืนสู่ครอบครัว คุณภาพชีวิตกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยทางสุขภาพจิต การควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน โรคระบาดในสัตว์ (สุกร วัว ไก่) และการจัดการขยะในชุมชน จากการประชาคมของหมู่บ้านเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2564 มีมติคัดเลือกปัญหาอุบัติเหตุทางถนน (การแก้ไขจุดเสี่ยงลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน) สภาผู้นำชุมชนจึงมีการรวบรวมข้อมูลในประเด็นการอุบัติเหตุทางถนน (การแก้ไขจุดเสี่ยงลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน) มีการคืนข้อมูล อภิปรายปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้
ปีงบประมาณ 2563 บ้านห้วยนกแล เกิดอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 46 ครั้ง ผู้ได้รับบาดเจ็บ 109 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ไม่มีผู้พิการ จากการสอบสวนพบว่า ชุมชนมีจุดเสี่ยง จำนวน 4 แห่ง คือ จุด U-turn จำนวน 3 แห่ง บนถนนสายแม่สอด – อุ้มผาง ส่วนที่ผ่านอำเภอพบพระ และทางโค้งก่อนถึงหนองน้ำเขียว 1 แห่ง แยกเป็นจุดเสี่ยงในชุมชนที่สามารถแก้ไขได้โดยชุมชน 3 แห่ง จุดเสี่ยงในชุมชนที่ชุมชนไม่สามารถแก้ไขได้เองต้องทำร่วมหรือส่งต่อ 1 แห่ง ประชาชนมีพฤติกรรมเสี่ยงที่สัมพันธ์กับจุดเสี่ยง เช่น ขับรถความเร็วเกินกำหนด เบรกกะทันหัน เมาแล้วขับ ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ขับรถย้อนศร ไม่คาดเข็มขัด ไม่สวมหมวกนิรภัย พูด/เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ
ข้อมูลปัญหาและสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของชุมชนบ้านห้วยนกแล จุดสำคัญ คือ ถนนแม่สอด – อุ้มผาง พบมีจุดเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 4 จุด คือ จุด U-turn จำนวน 3 แห่ง บนถนนสายแม่สอด – อุ้มผาง ส่วนที่ผ่านอำเภอพบพระ และทางโค้งก่อนถึงหนองน้ำเขียว 1 แห่ง ซึ่งเป็นลักษณะเป็นถนนทางโค้ง โดยเฉพาะในฤดูฝน ลักษณะของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คือ ชนประสานงากัน โดยสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้ถนนที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ พบว่า (1) ผู้ใช้ถนน ขาดการหยุดรถก่อนเลี้ยวหรือข้ามถนน (2) ผู้ขับขี่ด้วยความเร็ว ประมาท (3) มีการดื่มสุรา (4) แสงสว่างไม่เพียงพอ (5) ต้นไม้บดบังวิสัยทัศน์การมองเห็น (6) ไม่มีสัญลักษณ์ แจ้งเตือนให้ชะลอความเร็วที่ชัดเจน และ (7) รถบบรรทุก ขับเร็ว ไม่มีผ้าใบคลุม มีส่งของตกบนถนนจำนวนมาก
ผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ จำนวนอุบัติเหตุ 46 ครั้ง ผู้ได้รับบาดเจ็บ 109 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ไม่มีผู้พิการ จากสภาพปัญหาดังกล่าวที่เกิดจากผู้ขับขี่ พาหนะ ถนนที่ทรุดโทรม สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการจราจรบนถนนในชุมชน ทำให้เกิดผลกระทบ ดังนี้
ผลกระทบต่อสังคม (1) เป็นภาระแก่ครอบครัวทั้งด้านความเป็นอยู่และรายจ่าย เมื่อเกิดความพิการและทุพลภาพ (2) ครอบครัวไม่สมบูรณ์ เด็กกำพร้าเมื่อเกิดเสียชีวิต จำนวน 1 ราย (3) สูญเสียโอกาสในการดำเนินชีวิต เมื่อเกิดความพิการทุพพลภาพ (4) สูญเสียแรงงานในครอบครัว และ (5) สร้างความรำคาญให้กับคนในชุมชน เช่นเสียงดังจากการแข่งรถ เป็นต้น
ผลกระทบต่อสุขภาพ (1) เกิดอุบัติเหตุ เกิดความรุนแรงขั้นบาดเจ็บ ทุพพลภาพ พิการ หรือเสียชีวิตได้ (2) สุขภาพจิตใจของคนในครอบครัว จากความกังวล ความเป็นห่วง (3) ผลเสียที่ได้รับจากอุบัติเหตุอาจเจ็บป่วยเรื้อรัง ทำให้การเคลื่อนไหวผิดปกติหรือใช้งานไม่สะดวก เช่นแขนขาหัก ดามเข้าเฝือกฝังเหล็ก เป็นต้น ได้รับบาดเจ็บพิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง และ (4) อาจได้รับบาดเจ็บจากเศษวัสดุที่หลงเหลือจากอุบัติเหตุ เช่น เศษกระจก เป็นต้น
ผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ (1) มีค่าใช้จ่ายจากซ่อมแซมพาหนะ เฉลี่ย 3,500 -4,000 บาท/ครั้ง (2) มีค่าใช้จ่ายจากค่ารักษาพยาบาล เฉลี่ย 1,500 -2,000 บาท/ครั้ง และ (3) สูญเสียรายได้จากการขาดงานหรือประกอบอาชีพ เฉลี่ย 300 – 500 บาท/วัน
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (1) ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น หินร่วงบนถนน รถซิ่ง ตากข้าว เลี้ยงสัตว์บนถนน เป็นต้น (2) ทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิทัศน์ ต้นไม้ สิ่งปลูกสร้างเกิดความเสียหาย และ (3) ถนนเสียหาย หลุมบ่อ น้ำท่วมขัง สัญจรลำบาก มีมูลสัตว์ เกิดความสกปรก
2.การก่อตัวของกลไกพี่เลี้ยง รพ.สต.
1) จำนวนพี่เลี้ยงใน รพ.สต. การจัดโครงสร้างทีมพี่เลี้ยง และการบริหารจัดการภายในทีม ชุมชนบ้านห้วยนกแล ขับเคลื่อนโครงการภายใต้ประเด็นการจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน โดยมีพี่เลี้ยงร่วมเป็นที่ปรึกษาขับเคลื่อนโครงการ คือ นางเนาวรัตน์ ใจพูน ผอ.รพ.สต.บ้านซอโอ, นายภิรมย์ ภู่นวล สาธารณสุขอำเภอพบพระ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอพบพระ มีการลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมชุมชน คอยหนุนเสริมการทำงานต่อเนื่อง มีบทบาทในการช่วยหนุนเสริมการทำงานของพี่เลี้ยง รพ.สต.บ้านซอโอ และทีมสภาผู้นำชุมชนบ้านห้วยนกแล มีการจัดโครงสร้างทีมพี่เลี้ยง และการบริหารจัดการภายในทีม ให้เกิดความคล่องตัว เป็นรูปธรรมในการหนุนเสริมสภาผู้นำชุมชน มีพี่เลี้ยงวิชาการ คือ นางสาวปาณิสรา แก้วบุญธรรม โดยสภาผู้นำชุมชนบ้านห้วยนกแล เป็นผู้ตัดสินใจและดำเนินงานต่าง ๆ ในชุมชนกันเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังต้องการพี่เลี้ยงช่วยให้ข้อเสนอแนะในบางประเด็นเท่านั้น
2) สมรรถนะพี่เลี้ยงใน รพ.สต. สภาผู้นำชุมชนบ้านห้วยนกแล มีพี่เลี้ยงหลักภายใน รพ.สต. และจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอพบพระ พบว่าพี่เลี้ยงหลัก จำนวน 2 ท่าน อยู่ในขั้นที่ 3 สามารถขับเคลื่อนงานร่วมกันระหว่าง รพ.สต. ชุมชน และภาคีได้ สามารถหนุนเสริมให้ทีมสภาผู้นำชุมชนบ้านห้วยนกแล สามารถหนุนเสริมชุมชนในการจัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างน้อย 1 ประเด็น โดยใช้กลไกการมีส่วนร่วมจัดทำแผนงานโครงการ ระหว่างทีมสภาผู้นำชุมชน และ รพ.สต.บ้านซอโอ ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านสาธารณสุขของ รพ.สต. บรรจุอยู่ในแผนชุมชนพึ่งตนเองของหมู่บ้านได้ ครอบคลุมทุกด้าน ทุกประเด็น (ทำเอง ทำร่วม ทำขอ)
พบว่า การสร้างทีมพี่เลี้ยงที่มีสมรรถนะได้นั้น จำเป็นต้องเปิดใจพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ และต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องแนวคิดชุมชนน่าอยู่และกลไกสภาผู้นำชุมชน และมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจระบบการบริการด้านสุขภาพและงานสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และเชื่อมโยงสู่แผนสุขภาพตำบล และที่สำคัญต้องมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง และรับรู้อุปสรรค รับประโยชน์ที่ได้รับร่วมกันทั้งสองฝ่าย
3. กลไกพี่เลี้ยง รพ.สต.
1) การกำหนดการกิจของทีมพี่เลี้ยง ทั้งในการเป็นผู้พัฒนาชุมชน และภารกิจของหน่วยงานโดยพี่เลี้ยง รพ.สต. และสภาผู้นำชุมชนบ้านห้วยนกแล ร่วมกันกำหนดภารกิจของการดำเนินการประเด็นหลักร่วมกัน คือ การจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การกำหนดภารกิจของทีมพี่เลี้ยง ทั้งในการเป็นผู้พัฒนาชุมชน และภารกิจของหน่วยงาน ได้รับการยอมรับของทุกฝ่าย จำเป็นต้องรับรู้และเข้าใจตัวชี้วัดร่วม หรือเป้าหมายร่วมที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ ซึ่งภารกิจในครั้งนี้ตอบโจทย์ในภาพรวมของอำเภอพบพระ
2) การสื่อสารภายในทีมและหัวหน้าหน่วยงาน ประเด็นที่จำเป็นต้องสื่อสารต่อเนื่อง ประกอบด้วย ความรู้ความเข้าใจการทำงานชุมชนน่าอยู่ (โมเดล รพ.สต.) เช่น เรื่องแนวคิดชุมชนน่าอยู่และกลไกสภาผู้นำชุมชน การจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง การประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา (ARE) และระบบการบริการด้านสุขภาพและงานสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และเชื่อมโยงสู่แผนสุขภาพตำบล และออกแบบและเก็บข้อมูลสถานะสุขภาพของ รพ.สต. และข้อมูลเชิงประเด็นของทีมสภาผู้นำชุมชน รวมถึงการประสานการทำงานระหว่าง รพ.สต. สภาผู้นำชุมชน หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ และภาคีในพื้นที่ตำบลช่องแคบ
เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การสื่อสารต่อเนื่อง เกิดประสิทธิผล นำไปสู่ความเข้าใจ และทักษะได้นั้นจำเป็นต้อง มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง มีการหารือโครงการ สสส. และประเด็นอื่น ๆ ในชุมชน และมีรายงานการประชุมทุกครั้ง และทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม มีช่องทางการสื่อสารที่พี่เลี้ยงเข้าถึงง่าย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความก้าวหน้าในการทำงานทุกงานที่ชุมชนดำเนินการให้สมาชิกทีมพี่เลี้ยงรับทราบอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยกันวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของชุมชน นำไปสู่การหนุนเสริมและแก้ไขปัญหาของชุมชนได้ทันเวลา ไม่มีความเสี่ยงระหว่างดำเนินงาน เช่น การจัดกิจกรรมตามกำหนดการ การเบิกจ่ายเงิน เอกสารการเงิน เอกสารสรุปความก้าวหน้า และการทำงานภายในทีมของสภาผู้นำชุมชน เป็นต้น
3) สภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ และดำเนินงานต่าง ๆ ในชุมชนได้เอง โดยพึ่งพาพี่เลี้ยงในบางครั้ง
วิธีการสื่อสารกับสมาชิกในหน่วยงานกรณีที่หัวหน้าเป็นพี่เลี้ยง
3.1) รูปแบบการเรียนรู้ภายในทีม จำเป็นต้องสื่อสารอย่างต่อเนื่องตลอดการทำกิจกรรมในโครงการ เนื่องจากจนท. ใน รพ.สต. อาจจะไม่เข้าใจในระบบการทำงานของทีมสภาผู้นำชุมชนภายใต้กลไกชุมชนน่าอยู่ การสื่อสารระหว่างพี่เลี้ยง รพ.สต. ทีมสภาผู้นำชุมชน และหัวหน้าองค์กร ควรมีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ให้ทราบความเป็นไป ผลลัพธ์ของโครงการจึงจะส่งผลต่อการเรียนรู้ภายในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.2) การสร้างการมีส่วนร่วมของทีมและการร่วมแก้ไขปัญหา ได้ดำเนินการโดย พี่เลี้ยงต้องเข้าร่วมเข้าประชุมและร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของกิจกรรมในชุมชน และในการประชุมหรือร่วมกิจกรรม ผู้เข้าร่วมสามารถแสดงความคิดเห็น ร่วมตัดสินใจเรื่องการดำเนินงาน และเสนอแนะ พิจารณาปัญหาใหม่ ๆ รวมทั้งมีการร่วมติดตามประเมินผลได้ทุกคน โดยจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้พี่เลี้ยงและสมาชิกชุมชนเข้าประชุมและร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และสมาชิกชุมชนทุกคน สามารถแสดงความคิดเห็นมากขึ้น หรือมีสมาชิกหน้าใหม่ร่วมแสดงความคิดเห็นมากขึ้น สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น หรือมีสมาชิกหน้าใหม่ร่วมตัดสินใจ และสมาชิกชุมชนมีข้อเสนอแนะ หรือให้ทางเลือกใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหาชุมชนมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการมีส่วนร่วมของทีมพี่เลี้ยงและสภาผู้นำชุมชน โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล หรือสามารถร่วมประเมินความสำเร็จของชุมชนได้ จึงจะส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของทีมและการร่วมแก้ไขปัญหาทั้งในส่วนของทีมงานและต่อกลไกสภาผู้นำชุมชนในแต่ละหมู่บ้านได้
4.การบริหารจัดการเป้าหมายร่วมของพื้นที่
1) การกำหนดเป้าหมายร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านซอโอ องค์การบริหารส่วนตำบลช่องแคบ และสภาผู้นำชุมขน ได้มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน คือ ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในการการจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน โดยกระบวนการมีส่วนร่วมที่ประชาชนในหมู่บ้านเห็นชอบร่วมกันผ่านเวทีประชาคมหรือเวทีอื่น ๆ ของหมู่บ้าน ใช้เป็นหลักปฏิบัติในชุมชนในการการจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน และเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาวะในระดับตำบลตามแผนสุขภาพ
2) การวางแผนการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านซอโอ และสภาผู้นำชุมชนจากเป้าหมายร่วมที่กำหนดด้วยการรวบรวมข้อมูลการจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน มาประมวลผล จัดเวทีประชาคมทำความเข้าใจโครงการร่วมกับสมาชิกชุมชนรวมถึงการคืนข้อมูลการจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน ทั้งนี้ จะต้องร่วมกันวิเคราะห์ เพื่อกำหนดข้อตกลงร่วมของชุมชนในการจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน จึงจะเกิดการยอมรับ จัดแบ่งหน้าที่และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง
3) การดำเนินงานและการจัดการทรัพยากรร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านซอโอ และสภาผู้นำชุมชน จากแผนการดำเนินร่วมที่กำหนด โดยที่ผ่านมาได้จัดการทรัพยากร คือ การแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลและบันทึกผลในชุดข้อมูลแหล่งเดียวกัน เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนของข้อมูล หรือป้องกันการคลาดเคลื่อนของข้อมูลนั้น ๆ โดยมีสิ่งที่ขาดไม่ได้หรือต้องมีเงื่อนไข คือ การออกแบบการเก็บข้อมูลชุดเดียวกัน หรือใช้แบบฟอร์มเดียวกัน
4) การติดตามและประเมินผลร่วมกันระหว่าง รพ.สต. บ้านซอโอ และสภาผู้นำชุมขนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมที่กำหนดร่วมกัน ด้วยการร่วมประชุมประจำเดือนของสภาผู้นำชุมชน หรือของหมู่บ้านหรือของ รพ.สต. โดยมีขั้นตอนสำคัญ คือ (1) สรุปข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดในผลลัพธ์ประเด็นนั้น ๆ (2) สะท้อนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงตามระยะเวลาที่ดำเนินโครงการ (3) เปรียบผลลัพธ์ที่ได้ว่าบรรลุเป้าหมายร่วมที่กำหนดไว้หรือไม่ และ (4) แลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น และร่วมเสนอแนะแนวทางการพัฒนาให้ดีขึ้นหรือแนวทางปรับปรุงให้บรรลุเป้าหมายร่วมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ทุกครั้งจำเป็นต้องมีหรือต้องใช้ข้อมูลจริงที่เก็บรวบรวมได้มาอ้างอิงและใช้จริงเป็น
5.ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของชุมชน
1) ผลลัพธ์สมรรถนะสำคัญและการปรับเปลี่ยนวิธีทำงานของพี่เลี้ยงบันไดสมรรถนะ โดยเกิดผลลัพธ์ในระยะกลางของวิธีทำงานของพี่เลี้ยง คือ พี่เลี้ยง รพ.สต. มีทักษะในการหนุนเสริมการทำงานของสภาผู้นำชุมชนได้อย่างต่อเนื่องและสามารถขับเคลื่อนงานระหว่าง รพ.สต. อปท. และภาคีในชุมชนได้ ผ่านการถ่ายทอดแนวคิดชุมชนน่าอยู่และหนุนเสริมชุมชนให้เกิดกลไกสภาผู้นำชุมชน สนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง ร่วมออกแบบระบบการบริการด้านสุขภาพ และงานสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และเชื่อมโยงสู่แผนสุขภาพตำบล หนุนเสริมทีมสภาผู้นำชุมชนร่วมเป็นคณะอนุกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล มีการจัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างน้อย 1 ประเด็น โดยใช้กลไกการมีส่วนร่วมจัดทำแผนงานโครงการ ระหว่างทีมสภาผู้นำชุมชน และ รพ.สต. ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านสาธารณสุขของ รพ.สต. บรรจุอยู่ในแผนชุมชนพึ่งตนเอง โดยต้องมีหรือต้องใช้ แนวคิดสาธารณสุขมูลฐานกับการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ (นโยบาย 3 หมอ) มาประยุกต์ร่วมด้วยจึงจะเกิดสมรรถนะได้ตามที่คาดหวัง ให้สอดคล้องกับบันไดผลลัพธ์ของโมเดล รพ.สต.
2) ผลลัพธ์สมรรถนะของกลไกสภาผู้นำชุมชน โดยเกิดผลลัพธ์ในระยะกลางของวิธีทำงานของสภาผู้นำชุมชน คือ สภาผู้นำชุมชนมีสมรรถนะในการเสริมพลังชุมชนและขับเคลื่อนงานตามแผนชุมชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนได้ โดยต้องมีหรือต้องใช้ เป้าหมายและข้อตกลงร่วมกัน ผ่านการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง มีการหารือโครงการ สสส. และประเด็นอื่น ๆ ในชุมชน และมีรายงานการประชุมทุกครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้นำชุมชน ทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นในที่ประชุมได้ สภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ และดำเนินงานต่าง ๆ ในชุมชนได้เองทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง สภาผู้นำชุมชนสามารถดำเนินงานได้ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและคืนข้อมูลให้แก่ชุมชน และมีการปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด สภาผู้นำชุมชนมีการบริหารจัดการงบประมาณโครงการ สสส. และโครงการอื่นของชุมชน ด้วยความโปร่งใส จัดทำบัญชีรับจ่ายและแจ้งข้อมูลให้สมาชิกในชุมชนทราบทุกเดือน สภาผู้นำชุมชนสื่อสารข้อมูลข่าวสารความก้าวหน้าในการทำงานทุกงานที่ชุมชนดำเนินการให้สมาชิกชุมชนรับทราบ เดือนละ 1 ครั้ง จึงจะเกิดสภาผ็นำชุมชนที่มีสมรรถนะได้ตามที่คาดหวัง ที่สอดคล้องกับบันไดผลลัพธ์และ ความเข้มแข็ง 9 มิติได้
3) ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของประเด็นสุขภาพที่ดำเนินการร่วมกัน คือ การจัดการจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง ลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน โดยเกิดผลลัพธ์ในระยะกลาง ดังนี้
– ครัวเรือน 238 ครัวเรือน รับรู้สถานการณ์อุบัติเหตุและมีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงที่สัมพันธ์กับจุดเสี่ยงในชุมชนตนเอง
– เกิดข้อตกลงร่วมในการแก้ไขจุดเสี่ยงและพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับจุดเสี่ยงที่ชุมชนจะแก้ไข ดังนี้ (1) คนในชุมชนมีการสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์/ คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่รถยนต์ (2) ไม่มีการขับขี่ยานพาหนะย้อนศร (3) ขับขี่พาหนะรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ลดความเร็ว และ (4) เมาแล้วไม่ขับ
– จุดเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้รับการปรับปรุงแก้ไข ทั้ง 4 จุด คิดเป็น ร้อยละ 100 ของจุดเสี่ยงประเภทที่ชุมชนแก้ไขได้เอง
– คนในชุมชน จำนวน 539 คน ร้อยละ 100 สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมในการแก้ไขจุดเสี่ยงและพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับจุดเสี่ยง นั่นคือ เมาแล้วไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ขับรถย้อนศร สวมหมวกนิรภัย ไม่พูดหรือเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ
– ช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565 ไม่พบการเกิดอุบัติเหตุ ณ จุดเสี่ยงที่ได้รับการแก้ไข คิดเป็นร้อยละ 100 (0 ครั้งจาก 46 ครั้ง)
– ช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565 ไม่พบการเกิดอุบัติเหตุ ณ จุดเสี่ยงที่ได้รับการแก้ไข ไม่มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน (ตัวชี้วัดร่วม รพ.สต.)
ภาพกิจกรรมการดำเนินงานของสภาผู้นำชุมชนบ้านห้วยนกแล