
บทเรียนโครงการชุมชนน่าอยู่: โมเดล อปท.ตำบลหัวรอ พื้นที่บ้านเต็งสำนัก ม.9 จ.พิษณุโลก
บทเรียนการดำเนินงานของกลไกการดำเนินงานโครงการชุมชนน่าอยู่ โมเดล อปท.ตำบลหัวรอ
พื้นที่โครงการชุมชนน่าอยู่ บ้านเต็งสำนัก หมู่ 9 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
โดย นางสาวรัตติยา โตจีน
ทีมสนับสนุนวิชาการ หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ภาคเหนือ
บริบทพื้นที่
บ้านเต็งสำนักหมู่ที่ 9 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีประวัติแยกมาจากหมู่ที่ 7 บ้านสระโคล่ ตำบลหัวรอ พื้นที่โดยทั่วไปมีสภาพเป็นป่าไม้เบญจพรรณ มีหนองน้ำอยู่ในหมู่บ้าน เดิมมีชาวบ้านมาอาศัยทำมาหากินอยู่ก่อนแล้วและต่อมาได้มีชาวบ้านโคกสลุดได้อพยพมาจับจองที่ทำมาหากิน เมื่อมีการแยกมีบ้านเป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งได้ตั้งชื่อบ้านว่า บ้านเต็งสำนัก เกิดจากความเชื่อคือบ้านมีต้นไม้ที่มีชาวบ้านเรียกกันว่า ต้นเต็งรวมกับบ้านสำนักจึงแปลความหมายว่าที่พักอาศัย ที่ตั้งบ้านเต็งสำนักอยู่ในตำบลหัวรออยู่ห่างจากว่าที่การอำเภอเมืองพิษณุโลกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองเป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทางยาวประมาณ15 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3,364 ไร่ ทิศเหนือติดตำบลบ้านป่า ทิศใต้ติดตำบลดอนทอง ทิศตะวันออกติดตำบลบ้านป่า ทิศตะวันตกติดกับหมู่10 บ้านสระโคล่ ตำบลหัวรอ มีครัวเรือน 241 ครัวเรือน ประชากร 813 คน ชาย 394 หญิง 419 คน มีเทศบาลตำบลหัวรอ และทีมสภาผู้นำชุมชนน่าอยู่เดิม คือ บ้านสระโคล่ จำนวน 5 คน/ทีมงาน ที่พร้อมเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุน หนุนเสริมการทำงานของกลไกสภาผู้นำชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานเพื่อจัดการระบบบริการสุขภาพ อย่างน้อย 1 ประเด็น ระหว่างสภาผู้นำชุมชน และ อปท.ที่สอดคล้องกับแผนสุขภาวะตำบลตามแผนชุมชนพึ่งตนเอง เช่น ประเด็นอุบัติเหตุ ประเด็นการจัดการขยะ ประเด็นป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โรคโควิด-19 ประเด็นส่งเสริมสุขภาพจิต ประเด็นลด ละ เลิกบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประเด็นส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ประเด็นดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ประเด็นอาหารปลอดภัย เป็นต้น
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาของชุมชนบ้านหนองเต็ง ร่วมกับเทศบาลตำบลหัวรอ พบว่า ประชาชนมีพฤติกรมการบริโภค หรือวิถีการดำรงชีวิตด้านการบริโภคที่เปลี่ยนไป มีผลต่อสุขภาพ ขาดความใส่ใจในความปลอดภัย มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง กินอาหารที่ไม่ปลอดภัยซื้อผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมีจากตลาดมากินแต่บางครั้งทำความสะอาดไม่ถูกต้อง นอกจากนั้นสมาชิกในชุมชนชอบซื้ออาหารปรุงสำเร็จรูป ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบริโภคอาหารต่อวันสูง เฉลี่ยจำนวน 200 บาทต่อวันต่อครัวเรือน และพบพฤติกรรมการไม่กินของเด็กในบ้านเกี่ยวกับการกินผัก เพราะรสชาติของผักไม่อร่อย
กลไกสภาผู้นำ
การก่อตัวของสภาผู้นำชุมชนเริ่มต้นจากการพี่เลี้ยงชุมชนน่าอยู่โดยนางสาวรัตติยา โตจีน ได้ประสานไปยัง นายสวง พันเรือง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหัวรอ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เคยทำโครงการชุมชนน่าอยู่ปี 2663 เพื่อสอบถามความเป็นไปได้และความพร้อมในการขับเคลื่อนงานชุมชนน่าอยู่ในพื้นที่ตำบลหัวรอและองค์การบริหารส่วนตำบลหัวรอ ซึ่งพบว่าผู้ใหญ่บ้าน มีความสนใจเข้าร่วมโครงการและได้ก่อตั้งโครงสร้างสภาผู้นำชุมชน แรกเริ่มจำนวน 15 คน ปัจจุบันมีสภาผู้นำ 19 คน ประกอบด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน อสม. ตัวแทนผู้สูงอายุ และตัวแทนกลุ่มต่างๆในชุมชน
หลังจากการดำเนินงานพบว่า สภาผู้นำบ้านเต็งสำนัก หมู่ 9 มีความเข้าใจเรื่องกลไกสภาผู้นำเพิ่มขึ้น
มีโครงสร้างในการดำเนินงานชัดเจน มีการประชุมประจำเดือน ตั้งกฎกติกา มีการหารือประเด็นการปลูกและบริโภคผักในครัวเรือน รวมถึงประเด็นอื่นๆ ในชุมชนนอกเหนือ จากโครงการ สสส. มีการแบ่งบทบาทหน้าที่ชัดเจนขึ้น โดยประธานเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมหลัก และรายงานผลการดำเนินต่อที่ประชุมทุกครั้ง มีการใช้ข้อมูลในการทำงานเพิ่มมากขึ้นและนำไปปรับใช้ในการทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง นอกจากนี้สภาผู้นำยังมีการวิเคราะห์สถานการณ์การดำเนินกิจกรรมของชุมชนอย่างต่อเนื่องและมีการปรับแผนการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การระบาดโควิด 19 ปัจจุบันสภาผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็งอยู่ในบันไดผลลัพธ์สภาผู้นำขั้นที่ 3
ในการดำเนินงานของสภาผู้นำมีการดำเนินร่วมกันกับสภาผู้นำชุมชนที่เข้าร่วมโครงการอีก 4 บ้านและร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลหัวรอ ในเรื่องการปลูกและบริโภคผัก โดยมีการตั้งเป้าหมายร่วมกันคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ โดยปลูกผักและบริโภคผักที่ปลูก สร้างสภาผู้นำชุมชนให้มีความเข้มแข็งขึ้น และ เกิดสภาผู้นำตำบล ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะระดับตำบล เชื่อมต่อกับ อปท. และกลไกระดับตำบลที่มีอยู่
ความสำเร็จเชิงประเด็น
ผลการดำเนินงานเชิงประเด็นด้านการปลูกและบริโภคผัก400 กรัมต่อคนต่อวัน พบว่าเกิดกลไกสนับสนุนการปลูกและบริโภคผัก ผลไม้ อย่างน้อยวันละ 400 กรัม ทุกครัวเรือนต้องปลูกผักต่อเนื่องทั้งปีไว้กินเองอย่างน้อย 5 ชนิดและบริโภคผักอย่างน้อยวันละ1มื้อ มีปฏิทินชนิดของผักที่ปลูกและบันทึกปริมาณผลผลิตผักประจำครัวเรือนทุกเดือน ไม่ใช้สารเคมีในการปลูกผักให้ใช้สารธรรมชาติทดแทนและบันทึกปริมาณการใช้สารธรรมชาติทดแทนทุกเดือน หากเกิดโรคระบาด แมลงเพลี้ยในผักที่ปลูกต้องห้ามใช้สารเคมีปลูกและบริโภคผักอย่างต่อเนื่อง จำนวน 56 ครัวเรือน ปลูกผักเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5 ชนิด ได้แก่ ถั่วฟักยาว มะเขือ ผักบุ้ง แตงกวา ผักชี ผักกาด ฮ่องเต้ เกิดเมนูสุขภาพจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพิ่มการบริโภคผัก 5เมนู ได้แก่ยำถั่วพู ,แกงเขียวหวาน ,แกงหยวก ,ไก่ลุยป่า ,น้ำพริกแจ่ว ผักสด
ความยั่งยืน
ในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินงานลดปัญหาของชุมชนทางสภาผู้นำได้มีแนวทางการดำเนินงานต่อไปคือ เกิดข้อตกลงร่วมในการปลูกและบริโภคผักปลอดสารระดับตำบล สู่การปฏิบัติและมีการเชื่อมโยงโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ของอำเภอเมืองพิษณุโลก เกิดสภาผู้นำตำบล จากตัวแทนสภาผู้นำชุมชน หมู่บ้านละ 2 คน รวม 12 หมู่บ้าน ในการขับเคลื่อนประเด็นอาหารปลอดภัยระดับตำบล เชื่อมต่อกับ อปท. โดยเทศบาลตำบลหัวรอ บรรจุแผนงานโครงการปลูกและบริโภคผัก เชื่อมต่อกับแผนงาน อปท.ในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 12 หมู่บ้าน งบประมาณ 66,000 บาท
ภาพกิจกรรมการดำเนินงานของสภาผู้นำชุมชนบ้านเต็งสำนัก