รวมพลัง “ชาวปากนครบน” ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
รวมพลัง “ชาวปากนครบน” ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
แก้ปัญหาหาจุดเสี่ยง-ใช้วิทยุกระจายข่าว สร้างถนนปลอดภัย
หากพิจารณาในทางกายภาพ บ้านปากนครบน หมู่ที่ 2 ตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อเข้าชุมชน 15 สาย จากการสำรวจพบว่าถนนเส้นที่เป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ ถนนสายวัดโบสถ์ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกใช้มากที่สุดของชุมชน
ถนนเส้นนี้มีโรงเรียนตั้งอยู่ 2 แห่ง คือ โรงเรียนวัดหัวนอน มีจุดเสี่ยงบนถนนเป็นทางโค้ง พื้นผิวจราจรลาดเอียง จำนวน 3 โค้งติดต่อกัน เคยเกิดอุบัติเหตุรถหลุดโค้งชนต้นไม้จนผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บ อีกแห่งคือ โรงเรียนท่านครญาณวโรรสอุทิศ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมระดับกลาง หน้าโรงเรียนมีสามแยกเป็นจุดเสี่ยงที่มักเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย
ส่วนอีกจุดเสี่ยงที่อันตรายมากบนถนนเดียวกันคือ บริเวณแยกหัวสะพานสะถิน เนื่องจากเป็นแยกที่มีจุดอับมีสิ่งบดบังทัศนวิสัยผู้ขับขี่ มีทางลงและขึ้นลาดชัน การขับขี่เข้าสู่ถนนหลักต้องเร่งเครื่องให้รถมีแรงส่งมากที่สุดเพื่อแล่นขึ้นตัวสะพาน นับเป็นพื้นที่อันตรายอีกจุดหนึ่งที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ
ก่อนหน้านี้โรงเรียนท่านครญาณวโรรสอุทิศ เคยมีประสบการณ์จากการดำเนินโครงการถนนปลอดภัย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักเรียนโดยการจัดรถรับส่งนักเรียนเป็นเวลา 20 กว่าปี ทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทางถนน จนได้รับรางวัล Prime Minister Road Safety Award ซึ่งลงนามโดยนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2558
แต่ยังพบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่บ่อยครั้ง เนื่องจากยังขาดความเชื่อมโยงความมีส่วนร่วมกับชุมชนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน คณะกรรมการชุมชนบ้านปากนครบน และภาคีเครือข่าย ประกอบด้วยโรงเรียน สมาชิกชมชน ตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนตำบล ปากนคร(อบต.) และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จึงได้ร่วมกันดำเนินงาน โครงการ “บ้านปากนครบนร่วมใจป้องกันภัยอุบัติเหตุ” โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในฐานะผู้บริหารสถานศึกษาที่เห็นสภาพการใช้รถใช้ถนนทุกวัน อาจารย์สันติ นาดี ผู้อำนวยการโรงเรียนท่านครญาณวโรรสอุทิศ กล่าวว่าถนนเส้นนี้ตัดผ่านหน้าโรงเรียน มีปริมาณรถมาก เพราะสามารถเลี่ยงเมืองเป็นทางลัดไปปากพนังได้ ผู้ที่ขับขี่ที่ไม่คุ้นเส้นทางก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเนื่องจากสภาพถนนที่ลาดเอียงและมีทางโค้งหลายจุด ประกอบกับทางโรงเรียนเองก็เคยจัดทำโครงการป้องกันอุบัติเหตุจนได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยบนท้องถนนมาแล้ว แต่ยังเป็นการทำกันในเฉพาะโรงเรียน จึงเห็นว่าน่าจะทำโครงการร่วมกับชุมชนซึ่งจะเป็นประโยชน์ในวงกว้างยิ่งขึ้น
“ทางโรงเรียนกำชับนักเรียนตลอดเพราะเราได้รางวัลด้านความปลอดภัย ตั้งแต่ปี 2558 หน้าโรงเรียนเช้า เย็นจะมีครู ช่วยดูแลระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่เราต้องร่วมกับชุมชนด้วย เพราะเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน” ผู้อำนวยการโรงเรียนท่านครญาณวโรรสอุทิศ กล่าว
กลุ่มเป้าหมายหลักของการดำเนินงานครั้งนี้คือ ชาวบ้านหมู่ 2 บ้านปากนครบน ครู นักเรียน และบุคลากรของโรงเรียน โดยจัดตั้งคณะทำงานตัวแทนจากภาคประชาชน รวบรวมสถิติข้อมูล ลงสำรวจพื้นที่วางแผนแก้ปัญหา จากนั้นจึงจัดทำเวทีประชาคมคืนข้อมูลให้กับชุมชน เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น ติดป้ายคำเตือน ตัดถางต้นไม้ ปรับป้ายโฆษณาที่บดบัง และใช้ประโยชน์จาก วิทยุชุมชน ที่ ครอบคลุมพื้นที่เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ชุมชน ขณะเดียวกันก็ยังมีคณะทำงานและอาสาเฝ้าระวังอุบัติเหตุหลังการปรับปรุงจุดเสี่ยงอีกด้วย
“นอกจากจะนำนักเรียนลงพื้นที่รณรงค์ให้ประชาชนรับทราบแล้ว ผมก็จะนำความคืบหน้าของโครงการไปพูดคุยผ่านรายการวิทยุชุมชนตาลคู่ที่ผมจัดอยู่เป็นระยะๆ ชุมชนอื่นที่เขารู้เรื่องนี้ด้วยก็จะได้เอาเป็นแบบไปทำต่อ” ผอ.สันติ กล่าว
ทางด้าน กชพรรณ ทองอ่อน ประธานกลุ่มอาสาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กล่าวว่าทางกลุ่ม อสม.ซึ่งมีสมาชิก 63 คน ได้ลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถที่ปลอดภัย รณรงค์ให้สวมหมวกนิรภัย แนะนำให้ทำตามกฎจราจร ซึ่งชาวบ้านให้การตอบรับดี เพราะเป็นเรื่องที่ชุมชนคิดทำร่วมกัน
ขณะที่ วิริ นาวาพัสดุ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากนคร กล่าวว่านอกจากการรณรงค์เกี่ยวกับการขับขี่รถร่วมกับชุมชนและโรงเรียนแล้ว ทาง อบต.ปากนคร ยังมีการแจกหมวกนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกด้วย
“ทาง อบต.ก็ร่วมกับชุมชนป้องกัยอุบัติเหตุโดยจัดสรรงบประมาณส่งเสริมด้านความปลอดภัยบนท้องถนนทุกปี และยังได้ร่วมกับชุมชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มอาสาจัดจุดบริการประชาชนในช่วงเทศกาลซึ่งมีผู้ใช้รถใช้ถนนหนาแน่นเพื่อเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น” วิริ ระบุ
พลังของชุมชนปากนครบนที่ตระหนักและเห็นความสำคัญของการดูแลเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุในชุมชน ควบคู่ไปกับการปลูกฝังสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ได้ส่งผลลัพธ์ให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ของชุมชนลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ ในการบริหารจัดการเพื่อลดอุบัติเหตุด้วยพลังของสมาชิกในชุมชนทุกคน.