หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุท่าชนะ

Aproximadamente el 30% de los hombres experimentan problemas de erección en algún momento de sus vidas, lo que puede ser un signo de otros problemas de salud subyacentes. Este fenómeno puede asociarse con factores como el estrés, la ansiedad y condiciones médicas como diabetes o hipertensión. Muchas personas buscan tratamientos para mejorar su situación y, en algunos casos, intentan buscar opciones alternativas. Por ejemplo, algunos hombres consideran la opción de ” como una solución potencial, aunque es crucial hablar con un médico antes de iniciar cualquier tratamiento. La educación sobre estos temas es esencial, ya que desmitificar los tabúes puede facilitar que las personas busquen la ayuda que necesitan.

Un hecho interesante sobre la salud masculina es que muchos hombres pueden experimentar problemas relacionados con la función eréctil a lo largo de su vida. Esto puede ser causado por una variedad de factores, incluyendo el estrés, la ansiedad y condiciones de salud subyacentes. Sin embargo, hay tratamientos disponibles que pueden ayudar, como los medicamentos que se pueden obtener de manera accesible, como los que permiten a los hombres “””. Es importante que los hombres se sientan cómodos hablando sobre este tema, ya que la salud sexual es un aspecto fundamental de su bienestar general. Alcanzar conciencia sobre este tipo de problemas puede llevar a soluciones efectivas y a un mejor estado de salud.

หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุท่าชนะ

เสริมศักยภาพคนสูงวัยใจเป็นสุข

ตามการคาดการณ์ของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ระบุว่าประเทศไทยได้กลายเป็นสังคมสูงวัยมาตั้งแต่ปี 2548 คือมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 10 ประชากรสูงอายุกำลังเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่เร็วมากคือ สูงกว่าร้อยละ 4 ต่อปี ในขณะที่ประชากรรวมเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้น ขณะที่คาดการณ์ประชากรของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ คือมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 20 ในปี 2564 และจะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดเมื่อมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 28 ในปี 2574

แม้วัยวุฒิจะสูงขึ้นแต่ผู้สูงวัยในเขตเทศบาลตำบลท่าชนะ อำเภอท่าชนะ จังวัดสุราษฎร์ธานี ก็ไม่ได้สร้างความกังวลใจให้ลูกหลาน เพราะที่นี่เตรียมพร้อมสำหรับผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านกิจกรรมต่างๆและหลักสูตรการเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งแรกของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

จากคำบอกเล่าของรัตนา นุราช หัวหน้าฝ่ายบริหารงานสาธารณสุข เทศบาลท่าชนะ หนึ่งในคณะทำงานตามโครงการ “การเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนหมู่ที่ 4 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี” ซึ่งดำเนินกิจกรรมในนามชมรมผู้สูงอายุเทศบาลตำบลท่าชนะ และจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์แก่สมาชิกที่ถึงแก่กรรมมาก่อน และภายหลังจึงได้ดำเนินโครงการโดยได้รับการสนับสนุนจากจาก สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำให้การดำเนินงานมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น

ในเขตเทศบาลท่าชนะมีผู้สูงอายุ  640 คน เป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ 252 คน โดยชมรมฯจะรับสมาชิกอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป เพราะกิจกรรมบางอย่างต้องอาศัยผู้ที่อายุน้อยกว่าให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุซึ่งผู้ที่อายุมากที่สุดอยู่ในวัย 82 ปี

เดิมทีชมรมผู้สูงอายุมีกิจกรรมอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนนัก เมื่อได้ดำเนินโครงการร่วมกับ สสส. ทำให้มีแผนงานในดำเนินงานชัดเจนยิ่งขึ้น และน่าจะทำให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุได้อย่างต่อเนื่อง

“กิจกรรมของชมรมก็จะมีการออกกำลังกาย รำไม้พลองทุกเช้า ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ  มุ่งให้ผู้สูงอายุติดสังคม ไม่ต้องการให้ติดบ้าน ติดเตียง มีการทำกิจกรรมตั้งกลุ่มเล่นอังกะลุง รำวง กลองยาว  หลักๆ ก็คือเน้นในเรื่อง 3  อ.คือ อบรม อารมณ์ อดิเรก มีอาจารย์มาสอนตามทักษะ เชิญวิทยากรจากภายนอกมาสอนบ้าง ซึ่งเทศบาลท่าชนะให้การสนับสนุนอย่างดี โรงเรียนมีคณะจากต่างจังหวัดมาดูงานกิจการอยู่เป็นระยะ” หัวหน้าฝ่ายบริหารงานสาธารณสุข เทศบาลท่าชนะ เปิดเผย

สำหรับหลักสูตรของโรงเรียนผู้สูงอายุ มี 2 ระดับหลักสูตรละ 2 ปี  ทั้งระดับต้นและระดับสูง มีวิชาที่ส่งเสริมให้ผู้สูงวัยใช้ในการดูแลตนเองได้ เช่น อาหารและโภชนาการ ลีลาศเพื่อสุขภาพ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เป็นต้น โดยเน้นให้ผู้สูงอายุมีความสุขในการเรียน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนได้แสดงศักยภาพ จากประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว

ทางด้าน วิมล พรหมทุ่งฆ้อ ผู้สูงวัย อายุ 70 ปี นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุท่าชนะ เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ปกติทำงานบ้าน ดูแลสวนปาล์มและสวนยางพาราบ้าง ก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านขายสินค้า แต่ภายหลังเลิกกิจการและได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับชมรมผู้สูงอายุ ทำให้รู้สึกมีความสุข สบายใจ ไม่รู้สึกเคร่งเครียด เพราะได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนผู้สูงอายุในวัยใกล้เคียงกัน ได้เรียนรู้ในบางเรื่องที่ไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน

“มีความสุขมากกับการได้ทำกิจกรรมกับคนอาวุโสในวัยที่ใกล้เคียงกัน อยู่บ้านคนเดียวก็เหงา พอได้มาเจอเพื่อนๆได้ทำกิจกรรมร่วมกันก็มีความสุข ยิ่งได้มาเรียนเป็นนักเรียนด้วยก็ทำให้ได้รับความรู้ด้วยอย่างวิชาท้องถิ่นบางเรื่องก็ไม่เคยรู้มาก่อน ส่วนตัวแล้วชอบวิชาลีลาศและชอบร้องเพลง แทบไม่อยากให้ปิดเรียนและไม่อยากจบเลย” นักเรียนวัยอาวุโสกล่าว

ขณะที่ จงกลนี แพน้อย อดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนท่าชนะ วัย 63 ปี เล่าว่าได้รับการชักชวนจากเทศบาลท่าชนะให้มาเป็นครูในโรงเรียนผู้สูงอายุ ทำหน้าที่สอนวิชาการปกครองไทย พุทธศาสนา ท้องถิ่นของเราและวิชาลีลาศเพื่อสุขภาพ ซึ่งในการสอนผู้สูงอายุมีความแตกต่างจากเด็กนักเรียนที่เคยเรียนมา ต้องปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้สูงวัย เพราะผู้เรียนมีความแตกต่างกันมาก มีทั้งผู้จบชั้นประถมปีที่ 4 ระดับมัธยม ระดับปริญญาตรีและปริญญาโทก็มี แต่จะเน้นความสนุกสนานให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด เน้นให้ผู้เรียนเกิดความสุขในการเรียน ขณะเดียวกันผู้สอนก็ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เรียนไปด้วย

“ต้องรู้ว่าผู้เรียนต้องการอะไร เราจะเน้นให้ผู้เรียนมีความสุขมากกว่า ต้องมีอารมณ์ขันแทรก ใช้เพลงเป็นสื่อบ้าง นักเรียนบางคนเคยเป็นครูสอนดิฉันเมื่อครั้งประถมก็มี แต่ตอนนี้ต้องมาสอนครูที่เคยสอนเรามาก่อนตอนแรกก็กังวลใจพอสมควร แต่พอทำความเข้าใจกันแล้วก็ราบรื่นดี” คุณครูจงกลนี กล่าว

จากการรวมกลุ่มของผู้สูงวัยท่าชนะ ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทั้งการออกกำลังกาย สันทนาการและหลักสูตรด้านวิชาการในโรงเรียน ส่งผลดีทางต่ออารมณ์และจิตใจของผู้สูงอายุ เพื่อให้ใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างมีความสุข.

Shares:
QR Code :
QR Code