“อาหารเบิกบาน” ณ บ้านอุ่นรัก สร้างสุขด้วย “นีโอฮิวแมนนิสต์”
“อาหารเบิกบาน” ณ บ้านอุ่นรัก สร้างสุขด้วย “นีโอฮิวแมนนิสต์”
เด็ก คือวัยที่กำลังเจริญโตเติบทั้งร่างกาย อารมณ์และสังคม หากได้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ครบถ้วนตามหลักโภชนาการนำมาซึ่งร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี ย่อมส่งผลดีต่อการเรียนอย่างสนุกและมีความสุข
อาหารหลากหลายในปัจจุบัน ซึ่งบางอย่างไม่ทราบที่มาด้วยซ้ำ เป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมนัก ดังนั้นการสร้างความตะหนักให้กับเด็ก ได้มีทักษะพึ่งพาตนเองฉลาดเลือกและกินให้เป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป
ช่วงสายของทุกวัน ที่โรงเรียนบ้านอุ่นรัก ตั้งอยู่ที่ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เด็กๆ จะแบ่งหน้าที่ช่วยกันรับผิดชอบทำอาหารสำหรับมื้อกลางวันให้เพื่อนๆ ได้รับประทาน แน่นอนว่า ทุกเมนูจะเป็นอาหารปลอดภัยและมีคุณค่ากับทุกคน
“เราอยากให้เด็กเห็นว่าการที่จะรับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกายต้องคำนึงถึงผลที่ได้ต่อกายและใจ หนึ่งในวิธีการนั้นคือ การทำอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งเด็กได้รู้แหล่งที่มาอาหาร และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ได้เมนูที่ดีต่อสุขภาพ และที่สำคัญเขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ต้องทำให้เพื่อนๆ กินด้วย โดยมีครูคอยให้คำปรึกษา” น.ส.จินตนา ตั้งตรัยรัตนกูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านอุ่นรัก หรือครูแมว บอกถึงที่มาของอาหารกลางวันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
ขณะเดียวกันได้ขอรับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดทำโครงการทักษะชีวิตเพื่อการพึ่งพาตนเอง สู่การสร้างเสริมสุขภาวะ “อาหารเบิกบาน” เพื่อเสริมทักษะการทำอาหาร และสร้างความรู้ความเข้าใจในการเลือกบริโภคอาหารปลอดภัยต่อสุขภาพ
ครูแมว ผู้เป็นที่รักของเด็กๆ เล่าต่อว่า ทุกวันเด็กจะต้องแบ่งกลุ่มกันมาทำอาหาร เริ่มตั้งแต่การคิดเมนู การจัดเตรียมวัตถุดิบทราบแหล่งที่มา เนื้อสัตว์หรือผลไม้ได้จากภายในชุมชน บางส่วนมาจากแปลงผักปลอดสารภายในโรงเรียน และต้องคำนึงถึงคุณค่าโภชนาการครบ 5 หมู่ เมื่อได้ปรุง ได้หอมกลิ่นเครื่องเทศ ได้ลิ้มรสชาติอาหาร และตักใส่จาน จึงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพจากเพื่อนสู่เพื่อน สุขทั้งคนทำและคนกิน นั่นคือ “อาหารเบิกบานใจ”
เราเห็นความตั้งใจของเด็ก มีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดเมนู ได้ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้กระทั่งขั้นตอนการผลิต ทุกคนได้เตรียมดิน ปรับสภาพพื้นที่ช่วยกันปลูกผักและดูแลจนผลผลิตงอกงามนำไปทำเป็นอาหาร เขามีความสุขและเกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าในความพยายามของเขาเอง เกิดทักษะในการทำงานร่วมกัน รู้จักกฎกติกา การยอมรับ การอยู่ร่วมกันอย่างเคารพกัน มีน้ำใจซึ่งกันและกัน ไม่ทำร้ายหรือรังแกกัน
ความสามารถ ความดีงามที่อยู่ข้างในของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน สิ่งนั้นคือพรสวรรค์ หรือขวัญของฉัน ที่เราต้องสนับสนุนให้ทุกคนแสดงออกมาและพัฒนาเป็นรูปธรรม โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึ่งนอกจากเรื่องการทำอาหารแล้ว ยังมีเรื่องของการประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ อย่างเช่น โคมไฟจากกะลามะพร้าว เป็นต้น
“กระบวนการกิจกรรมแม้อาจจะดูง่ายๆ แต่ผลลัพธ์คุ้มค่า เด็กได้เรียนรู้การบริโภคอาหารปลอดภัย ฝึกระบบความคิด กล้าแสดงออก ฝึกทักษะชีวิตในการคิดเมนูอาหารและการทำอาหาร เสมือนศิลปะแขนงหนึ่ง สามารถต่อยอดไปเป็นอาชีพได้”ครูแมว เผยถึงสิ่งที่ได้จากกิจกรรมนี้
ขณะที่ ด.ญ.สุชาดา เสกสุนทร ชั้น ม.2 กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมว่า เรามีการแบ่งเวรกันทำอาหาร และจะเริ่มทำทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 น. แบ่งหน้าที่กันหั่นผัก หั่นเนื้อ เตรียมวัตถุดิบต่างๆ หรือใครปรุงอาหารจะผัด ต้ม แกง โดยมีครูช่วยอยู่บ้าง
ประโยชน์ที่ได้คือ ช่วยพัฒนาทักษะการใช้เครื่องครัวต่างๆ และสามารถต่อยอดเป็นอาชีพเป็นพ่อครัว แม่ครัว หรือเชฟทำอาหารได้
เช่นเดียวกับ ด.ญ.จิตรวรรณ สังขโกมล บอกว่า เมนูอาหารทำง่ายๆ อย่างเช่นวันนี้มี แกงผัก ผัดแตงกวา น้ำพริก และข้าวเหนียวงาดำ ซึ่งเป็นของทานเล่น ทำเสร็จก็ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดโรงครัวให้เรียบร้อย
บ้านอุ่นรัก เป็นสถานศึกษาเอกชน ในนามมูลนิธินวมนุษยธรรม จัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส เด็กไร้สัญชาติ และเด็กที่ที่อยู่ในภาวะยากลำบากตามชายแดนและคนบนพื้นที่สูงในเขตพื้นที่ อ.สังขละบุรี และบริเวณใกล้เคียง เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และขยายเป็นศูนย์เรียนรู้ในระดับชั้นมันธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยหลักปรัชญานีโอฮิวแมนนิสต์ ซึ่งเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่มีพัฒนาการสูงที่สุด พื้นฐานจิตใจของมนุษย์นั้นมีความดีงาม มีคุณค่า ใฝ่รู้ มีความต้องการจากภายในที่จะพัฒนาตนเองไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โดยการช่วยพัฒนาศักยภาพแฝงเร้นที่มีอยู่ในตัวคนให้แสดงออกมาได้อย่างสูงสุดด้วยการทำให้คน เราโดยเฉพาะในเด็กๆ ให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง (Self Esteem) ภายใต้สภาวะผ่อนคลาย การพัฒนาเซล์ประสานประสาท และการให้ความรัก ซึ่งในสภาวะนี้เองคนเราจะสามารถใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่