เพศศึกษานอกห้องเรียน ลูกพูดได้-ผู้ใหญ่ต้องคุยรู้เรื่อง

เพศศึกษานอกห้องเรียน  ลูกพูดได้-ผู้ใหญ่ต้องคุยรู้เรื่อง

การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ถือเป็นปัญหาลำดับต้นๆ ของวัยรุ่นประเทศไทยความไม่พร้อมทั้งฝ่ายชายและหญิง ทำให้หลายคนหมดอนาคตทั้งการใช้ชีวิต และรวมไปถึงอาจจะต้องออกจากระบบการเรียน

ที่ตำบลเขายายร้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งกำลังประสบปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปี พ.ศ.2559 พบคุณแม่วัยใสอายุต่ำกว่า 20 ปี ตั้งท้องมากถึง 39 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 31.71 ของจำนวนผู้ฝากครรภ์ทั้งหมด 123 ราย และมีการตั้งครรภ์ซ้ำมากถึง 9 คน

ทั้ง 39 ราย ไม่ได้ต้องการมีบุตร ดังนั้นจึงกลายเป็นคุณแม่วัยใสอย่างไม่ตั้งใจ

“เด็กที่ตั้งท้องมีทั้งที่ไม่ได้คุมกำเนิด หรือคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่เข้าใจวิธีการที่ถูกต้อง เช่นหลั่งนอก นับวันปลอดภัยก่อน7หลัง7 และที่ฮิตกันในกลุ่มวัยรุ่น คือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% หรือจะกินยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนก็ไม่ครบจำนวน ขาดๆ เกินๆ จึงทำให้เด็กของเราตั้งครรภ์อยู่เรื่อย” น.ส.มาลินี เวชสุข ผู้ก่อตั้งศูนย์บริการอนามัยการเจริญพันธุ์ชุมชน ต.ยายร้า  เผยถึงสาเหตุการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นในพื้นที่ และกลายเป็นแรงบันดาลใจของการจัดตั้งศูนย์ฯ นี้ขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหา

“ศูนย์บริการอนามัยการเจริญพันธุ์ชุมชน คือเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ความเข้าใจ และเป็นที่ปรึกษาเรื่องเพศศึกษาให้กับคนในพื้นที่ เราจะเป็นเหมือนเพื่อนที่พร้อมให้คำปรึกษา อยากรู้อะไรมาคุยกับเราดีกว่าไปฟังเพื่อนในแบบผิดๆ หรือหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต” มาลินี ย้ำถึงพันธกิจของศูนย์บริการฯ แห่งนี้

มาลินี ได้ตั้งโอ่งใบเล็กๆ ไว้หน้าบ้าน ในนั้นมีถุงยางอนามัยใส่ไว้ ใครจะใช้ก็มาหยิบไปได้ เธอบอกว่า นี่ไม่ใช่การส่งเสริม แต่เด็กยุคปัจจุบันไปไกลกว่าที่ผู้ใหญ่คิด ทุกวันนี้อายุ 13 -16 ปีก็มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ห้ามกันไม่ได้ ฉะนั้นควรช่วยพวกเขาป้องกันจะดีกว่า มีได้แต่ต้องรู้จักรักตัวเอง และป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์ ไม่เช่นนั้นชีวิตจะลำบาก

ส่วนสาเหตุของการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร มาลินี บอกว่า นอกจากเรื่องตัวเด็กแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองถือว่ามีส่วนอย่างมาก เพราะความรู้เรื่องเพศศึกษาในครอบครัวถูกตีกรอบเอาไว้ ว่าเป็นสิ่งไม่ควร พ่อแม่ก็ไม่กล้าบอกลูกหลานกลัวจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกส่งต่อมาถึงเด็กน้อยมาก เวลาเด็กเกิดปัญหา สงสัยข้องใจอะไรก็ไม่กล้าถาม เพราะกลัวโดนดุด่า

ดังนั้นทัศนคติเรื่องเพศศึกษาในครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองและสังคมต้องเปลี่ยนให้เป็นเชิงบวก เปิดใจรับฟังให้มากขึ้นและมองให้เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่ว่าในสังคมไทย โดยเฉพาะสังคมชนบทไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนมุมมองเรื่องนี้ได้ จึงต้องมีกระบวนการเข้าช่วยเสริมทางอีกหนึ่ง

ศูนย์บริการอนามัยการเจริญพันธุ์ชุมชน จึงได้เข้าร่วมโครงการ “ร้อยชุมชนสุขภาวะทางเพศ สานพลังชุมชนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น” ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

มาลินี กล่าวถึงกิจกรรมในโครงการว่า เมื่อมองว่าความรู้ความเข้าใจเพศศึกษาในครอบครัวมีน้อยมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งของการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จึงจัดค่ายอบรมให้ความรู้กับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง และเด็กในวัยตั้งแต่ 13-19 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อย่างสมบูรณ์ โดยปูพื้นฐานเรื่องเพศกันใหม่ เริ่มตั้งแต่เรียนรู้เรื่องสรีระของร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักถูกปิดและมองเป็นเรื่องน่าอาย สอนให้รู้ว่าอวัยวะของตัวเอง สอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกตนเองว่าควรจัดการอย่างไร

“อย่างการปลดปล่อยโดยการช่วยตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด ทุกคนสามารถทำได้ในที่ของตัวเอง เป็นการควบคุมตัวเองดีกว่าไปทำคนอื่น เพราะเมื่อก่อนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด และทำให้คนที่ช่วยตัวเองเป็นคนประหลาด ความรู้สึกตรงนี้มันยิ่งมากดขี่ จนส่งผลเสียหลายๆ อย่าง” เธอ บอก

มาลินี ยังให้ความเห็นเรื่องโครงสร้างสังคมซึ่งมองว่า ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกกระทำ และจะต้องเป็นคนรับผิดชอบมากกว่าผู้ชายนั้น ว่า โครงสร้างของสังคมเรามองว่าผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ ป้องกัน เป็นฝ่ายเสียหายแต่เพียงผู้เดียว ผู้ใหญ่ต้องเปลี่ยนทัศนคตินี้ คือ ไม่ว่าชายหรือหญิงต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย

“พ่อแม่ต้องเปลี่ยนความคิดและทัศนคติ เปิดใจยอมรับ ลดกรอบที่วางไว้กับลูก ให้คิดถึงตอนตัวเองเป็นหนุ่มเป็นสาว ว่าเรานึกคิด และทำอย่างไร เอาประสบการณ์ตรงนั้นมาคอยชี้แนะเป็นที่ปรึกษาให้ลูกได้ อย่าห้ามไปเสียหมด ถ้าลูกจะคบหาหรือมีแฟนก็ต้องคอยสอนถึงวิธีการดูแล ป้องกันการไม่ให้เกิดปัญหา” มาลินี ให้ความเห็น

อย่างไรก็ตาม พ่อ แม่ ผู้ปกครอง คือผู้มีส่วนสำคัญ ความใกล้ชิดเอาใจใส่ สามารถเป็นได้ทั้งผู้ห็กำเนิดและเป็นเพื่อนน่าจะช่วยแก้ปัญหาวัยรุ่นนี้ได้

เจียรนัย เฟืองละออ คุณแม่ของลูกชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี กล่าวว่า เธอจะให้ความใกล้ชิดกับลูกให้มาก หมั่นดูหมั่นถาม ลูกกลับมาจากโรงเรียนก็ต้องมาคุยกันว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง คบเพื่อนอย่างไร ให้เขาเล่าออกมา เพราะเรื่องเพศศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่ต้องมีความรู้ สามารถบอกลูกได้ ว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องในอนาคตข้างหน้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้เด็กอายุ 12-13 ปีก็เริ่มมีแฟนแล้ว ถ้าลูกจะมีแฟนก็จะสอนให้พกถุงยางอนามัยก่อนเป็นลำดับแรก จะได้ไม่ไปทำเขาท้อง

ขณะที่เพื่อน คือคนแรกที่วัยรุ่นมีปัญหาแล้วจะเข้าไปคุยด้วย ดังนั้นเพื่อนที่สามารถให้คำปรึกษานี้ได้จึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ สามารถเป็นที่พึ่งพาได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นว่า ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง

สุภัทสรา เกื้อวงค์ หรือ น้องฝ้าย ในฐานะเยาวชนแกนนำ บอกว่า เธอได้ให้คำปรึกษาเท่าที่เธอรู้ ถ้าเกินกว่าที่รู้ ก็จะต้องปรึกษาผู้ใหญ่  ยอมรับว่าความรู้เรื่องเพศในวัยรุ่นยังไม่ดีเท่าที่ควร เวลามีอะไรก็จะคุยกับเพื่อนมากกว่า เพราะไม่กล้าคุยกับพ่อแม่ กลัวโดนด่า แต่ถ้าเมื่อเข้าค่ายอบรมเรื่องเพศทำให้ทุกคนรู้ลึกมากกว่าที่โรงเรียนเคยสอน มาที่นี่ทุกคนกล้าถามกล้าตอบหมด

ส่วน พิมพ์พญา เหมลา หรือ น้องพรีม บอกว่า ถ้าเธอไม่มาเข้าค่าย ไม่ผ่านกระบวนการอบรม  ความรู้เรื่องเพศ ถือว่ามีน้อยมาก แม้เคยรู้มาจากแค่ในหนังสือหรืออินเตอร์เน็ต แบบไมได้เจาะลึก บางส่วนก็เป็นข้อมูลที่ผิดๆ แต่เมื่อมาเข้าค่าย ทำให้เราเข้าใจ รู้ลึก รู้ละเอียดมากขึ้น อายุตั้งแต่ 13 ปีก็ต้องรู้ไว้บ้างจะได้เป็นเกราะคุ้มกันตัวเอง

               ดังนั้นเพศศึกษาจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องรู้ไว้ เพื่อช่วยสร้างเกราะคุ้มภัยให้วัยรุ่นได้รู้เท่าทันการใช้ชีวิต

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ