โครงการชุมชนน่าอยู่พื้นที่ภาคใต้ บ้านบือเจาะบองอ ม.7 จ.นราธิวาส ปี 2566

ถอดบทเรียนพื้นที่ต้นแบบ โครงการชุมชนน่าอยู่พื้นที่ภาคใต้
บ้านบือเจาะบองอ ประเด็นการจัดการขยะโดยชุมชน
โดย ทีมสนับสนุนวิชาการ มกราคม 2566

รู้จักบ้านบือเจาะบองอ


ประวัติศาสตร์ชุมชน ชุมชนบ้านบือเจาะบองอ เป็น 1 ใน  7 หมู่บ้านของตำบลสาวอ ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 7 ตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ห่างจากอำเภอรือเสาะ 7 กิโลเมตร และจากจังหวัดนราธิวาส 52 กิโลเมตร

ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่เป็นเนินเขาและที่ราบลุ่มที่มีน้ำท่วมขังประจำปี ใช้ในการทำนาและทำสวน เช่น ยางพารา ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนและรับจ้าง นับถือศาสนาอิสลาม 100% มี 2 ฤดู: ฤดูร้อน (มี.ค.-มิ.ย.) และฤดูฝน (ก.ค.-ก.พ.) เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมฝนตกมากที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ย 27°C ความชื้น 60-80% ปัจจุบันมีปัญหาน้ำท่วมขังและฝนไม่ตกตามฤดูกาล การเดินทางสะดวก เนื่องจากมีถนนใหญ่ 3 เส้นทางเชื่อมต่อหมู่บ้านกับสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาลและศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง การส่งต่อผู้ป่วยทำได้รวดเร็วเนื่องจากระยะทางไม่ไกลจากโรงพยาบาล

ประชากร หมู่บ้านบือเจาะบองอ มีประชากร 635 คน แบ่งเป็นเพศชาย 320 คน และเพศหญิง 315 คน มีบ้าน 128 หลัง และครอบครัว 138 ครอบครัว ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุ 55 คน แบ่งเป็นผู้สูงอายุที่ติดสังคม 52 คน และติดบ้าน 3 คน ไม่มีผู้สูงอายุติดเตียง

การมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งของชุมชน คนในชุมชนมีความรักความสามัคคี ร่วมคิดร่วมทำและร่วมแก้ปัญหา
– เวทีประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน / สภาหมู่บ้าน
– เวทีประชุมประจำเดือนหมู่บ้านทุกเดือน
– เวทีประชาคมหมู่บ้าน
– เวทีประชาธิปไตยตำบลสาวอ

ความไม่น่าอยู่ของบ้านบือเจาะบองอ

จากการวิเคราะห์ประเมินชุมชนของสภาผู้นำชุมชนบ้านบือเจาะบองอเมื่อเข้ามาร่วมดำเนินโครงการกับชุดโครงการชุมชนน่าอยู่ ได้ใช้เครื่องมือต้นไม้ปัญหามาวิเคราะห์ความไม่น่าอยู่ของบ้านบือเจาะบองอ

การวิเคราะห์จุดอ่อน / จุดแข็งและปัญหา / ศักยภาพของหมู่บ้าน

จุดอ่อน / ปัญหา จุดแข็ง / ศักยภาพ
ด้านเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อม
– ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ
– ไม่มีตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตร
– ขาดการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ
– คนในชุมชนยังขาดจิตสาธารณะ/ขาดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
– ไม่มีอาชีพเสริม/ว่างงาน
– สินค้าราคาแพง/ค่าครองชีพสูง
– การจัดการขยะมูลฝอยยังไม่มีประสิทธิภาพ
– มีการทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทางเป็นสะสมของเชื้อโรค
– มีการปล่อยสัตว์เลี้ยงบนถนนสาธารณะ
– มีภูมิปัญญาท้องถิ่น
– มีพื้นทีทำนาของตนเองในการผลิตอาหาร
– มีกลุ่มสตรีที่มีบทบาทในการพัฒนาหมู่บ้าน

ด้านสุขภาพอนามัยและยาเสพติด

– โรคเรื้อรังเพิ่มสูงมากขึ้นในทุกวัยของคนในชุมชน
– ขาดการออกกำลังกาย/อุปกรณ์การออกกำลังกาย
– ขาดความรู้ในการดูแลสุขภาพและบริโภคอาหารที่ปลอดภัย
– คนในชุมชนไม่ผลิตอาหารกินเอง
– ยาเสพติด/การลักเล็กขโมยน้อย
– พบการระบาดของโรคที่เกิดจากขยะ ในชุมชน
มี อสม.ในหมู่บ้านที่พร้อมทำงาน
– มีการรณรงค์ในการควบคุมดูแลรักษาสุขภาพ

ด้านความรู้และการศึกษา

– ขาดความรู้ในการบริหารจัดการชุมชน
– ไม่สนใจข่าวสารและการอ่าน
– ไม่มีหลักสูตรการเรียนรู้ท้องถิ่น
มีแกนนำหมู่บ้านพร้อมจะบริหารจัดการชุมชน
– มีแหล่งความรู้ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น

ด้านการมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งในชุมชน

– มีส่วนร่วมในทำงานของชุมชนน้อย
– ขาดการบริหารจัดการกลุ่มที่ดี
กิจกรรมตามประเพณีที่ยังก่อการรวมตัวของคนในชุมชนได้

ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติฯ

– การใช้สารเคมีในการเกษตร – มีการจัดอบรมการปลูกพืชผสม เพื่อรักษาดินไม่ให้เสื่อมโทรม มีการนำปุ๋ยชีวภาพมาใช้ในการเกษตร
– มีเกษตรกรที่ปลูกผักปลอดสารพิษ

ตารางวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา / แนวทางแก้ไข

จุดอ่อน / ปัญหา สาเหตุของปัญหา แนวทางแก้ไข
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
– เครื่องมือที่สนับสนุนการปฏิบัติงานไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลา

 

รถบรรทุกเกินน้ำหนักทำให้พื้นผิวถนนชำรุด
– งบประมาณหนุนเสริมมีน้อย
– การเพิ่มขึ้นของครัวเรือน
– น้ำท่วมขัง
ปรับปรุงซ่อมแซมถนน
– ขยายเขตไฟฟ้าให้ทั่วถึง
– ติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะในที่ชุมชนหนาแน่น
– ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ

ด้านเศรษฐกิจ

– ต้นทุนการผลิตสูง
– รายจ่ายมากกว่ารายได้
– ค่าครองชีพสูง
– ราคาผลผลิตตกต่ำ
– หนี้สิน
ขาดการมีส่วนร่วม
– การบริโภคฟุ่มเฟือย
– ราคาต้นทุนการผลิตสูง
– ไม่มีการรวมกลุ่มกันทำ
– ค่าใช้จ่ายสูง/สินค้าราคาแพง
– มีรายได้ไม่ต่อเนื่อง
– เงินลงทุนมีน้อย
สร้างการเรียนรู้ในการบริหารจัดการกลุ่ม
– ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
– ผลิตอาหารเอง (ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์)
– ผลิตพลังงานทดแทน
– จัดหาทุนในการประกอบอาชีพ
– สร้างอาชีพเสริม
– สร้างงานในหมู่บ้าน
– จัดตั้งร้านค้าประชารัฐ
– ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพใช้เอง

ด้านสุขภาพและยาเสพติด

– สุขภาพอนามัย/โรคเรื้อรัง
– การบริโภคอาหารปนเปื้อน
– ขาดความรู้ในการดูแลสุขภาพ
การใช้สารเคมี
– กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ
– ขาดการออกกำลังกาย
– หน่วยบริการสาธารณสุขไม่จริงจังในการส่งเสริมด้านสุขภาพ
ลดการใช้สารเคมี
– ส่งเสริมการออกกำลังกาย
– ตรวจคัดกรองสารเคมีตกค้างในเลือด
– ตรวจสุขภาพปี ละ 2 ครั้ง
– ลดการบริโภคอาหารปนเปื้อนมาผลิตกินเอง
– จัดการรักษาส่งเสริมด้านสุขภาพอย่างจริงจัง

ด้านความรู้และการศึกษา

– ขาดความรู้ในการบริหารจัดการชุมชน
– ไม่สนใจข่าวสารและการอ่าน
– ไม่มีหลักสูตรการเรียนรู้ท้องถิ่น
ไม่มีโอกาสในการเรียนรู้ ยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือนให้มีรายได้และสามารถพึ่งตนเองได้
– ส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับตัวแทนครัวเรือนในเรื่องการผลิตและบริโภคอาหารที่ปลอดภัย
– อบรมให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการชุมชน

ด้านการมีส่วนร่วมฯ

– มีส่วนร่วมในทำงานของชุมชนน้อย
– ขาดการบริหารจัดการกลุ่มที่ดี
ไม่เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมในชุมชน
– ไม่มีเวลา มุ่งทำงานหารายได้
จัดกิจกรรมส่งเสริมการทำงานแบบมีส่วนร่วม
– สร้างกลุ่ม รวมกลุ่มจากอาชีพหลักให้มากขึ้น
– ส่งเสริมให้ครัวเรือนมีอาชีพเสริม
– อบรมให้ความรู้เรื่องการตั้งกลุ่มอาชีพ

ด้านทรัพยากรธรรมชาติฯ

– การใช้สารเคมีในการเกษตร โฆษณาชวนเชื่อ
– ใช้แล้วเห็นผลทันที
– การเห็นแก่ตัว
– มีการจัดอบรมการปลูกพืชผสม เพื่อรักษาดินไม่ให้เสื่อมโทรมมีการนำปุ๋ยชีวภาพมาใช้ในทางการเกษตรกรมากขึ้น
– การปลูกพืชเชิงเดี่ยว การส่งเสริมจากภาครัฐ – การคืนพันธุกรรมท้องถิ่น
– การทำสวนผสมผสาน
– การเพิ่มพันธุกรรมในพื้นที่สวนยาง

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

การก่อตัวสภาผู้นำชุมชนเข้มแข็งบ้านบือเจาะบองอ

ในปี 2564 ชุมชนบ้านบือเจาะบองอเข้าร่วมโครงการชุมชนน่าอยู่ของ สสส. โดยมีการสร้างสภาผู้นำชุมชนขึ้นจากแกนนำ 5 คน รวมทั้งกำนัน ผู้นำศาสนา และ อสม. เพื่อแก้ปัญหาการจัดการขยะในครัวเรือน โดยการใช้กระบวนการวิเคราะห์ปัญหาด้วยเครื่องมือต้นไม้ปัญหาและบันไดผลลัพธ์ จากนั้นได้จัดอบรมการคัดแยกขยะให้กับ 60 ครัวเรือน ผลลัพธ์คือการมีส่วนร่วมของชุมชนในการลดขยะทั่วไป เพิ่มขยะรีไซเคิล และนำขยะเปียกไปทำปุ๋ยหมัก โดยการขับเคลื่อนโครงการนี้ยังต้องร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมความรู้และส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในชุมชน

โครงสร้างและการบริหารจัดการด้วยกลไกสภาชุมชน

การก่อตั้งสภาผู้นำชุมชนบ้านบือเจาะบองอ มีการประชุมและกำหนดโครงสร้างกลไกการทำงาน โดยมีการคัดเลือกจากที่ประชุมเพื่อให้สภาผู้นำดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

  • ประธาน: กำนัน นายมาหะมะสะบือรี มะเย็ง
  • รองประธาน: นายบะซิต ฤทธิพล ผู้ช่วยปกครอง
  • เลขาธิการ: นางพาสะน๊ะ วาจิ หัวหน้ากลุ่มสตรี
  • ที่ปรึกษา: นายรอนิง กามาสะ อีหม่าม
  • ผู้บันทึกกิจกรรม: นางสาวพารีด๊ะ สมาแอ บัณฑิตอาสามาตุภูมิ

ภาวะการนำ

กำนันตำบลสาวอ เป็นผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ในหมู่บ้านไม่มีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ชาวบ้านให้ความร่วมมือและยอมรับ จึงได้รับตำแหน่งประธานสภาผู้นำชุมชน กำนันมักจะแจ้งวาระการประชุมผ่านที่ประชุมต่างๆ และประสานงานกับชาวบ้านผ่านโทรศัพท์และไลน์ ชาวบ้านมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น การฉีดวัคซีนโควิด การตรวจสุขภาพ และกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดในชุมชน

กระบวนการและกิจกรรมที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่บ้านบือเจาะบองอ

กิจกรรมประชุมสภาผู้นำชุมชนมีการจัดประชุมอย่างต่อเนื่อง 12 ครั้ง โดยสมาชิกเข้าร่วม 15 คน ได้กำหนดกติกาชุมชน 3 ข้อ และเริ่มต้นด้วยการจัดการขยะในชุมชน โดยแบ่งเขตรับผิดชอบให้สมาชิกและครัวเรือนเข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะ 60 ครัวเรือน จัดตั้งกองทุนขยะแลกบุญเพื่อบริจาคให้โรงเรียนตาดีกา มีการจัดการขยะหลากหลายประเภท เช่น ขยะอินทรีย์นำไปเลี้ยงสัตว์หรือทำปุ๋ย, ขยะรีไซเคิลขายเพื่อการกุศล และขยะอันตรายจัดเก็บแยกจากครัวเรือน

ความเข้มแข็งของสภาผู้นำชุมชนและโอกาสความยั่งยืนในการทำงานของสภาผู้นำบ้านบือเจาะบองอ

การขับเคลื่อนงานของชุมชนบ้านบือเจาะบองอ ใช้กลไกสภาผู้นำชุมชนที่พัฒนาขึ้นจากการรวมกลุ่มของฝ่ายปกครองและอาสาสมัครสาธารณสุขในหมู่บ้าน และได้ขยายการมีส่วนร่วมจากกลุ่มคนต่างๆ ในหมู่บ้าน เป้าหมายคือให้ทุกภาคส่วนร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน ตั้งแต่การพัฒนาข้อมูลและจัดทำแผนพึ่งตนเองไปจนถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกัน

ผลการประเมินความเข้มแข็งของชุมชน 9 มิติบ้านบือเจาะบองอ

 

เกิดผลลัพธ์ขั้นที่ 1  สภาผู้นำชุมชนเข้มแข็งจากการประเมิน ดังนี้

            มิติที่ 1 การมีส่วนร่วม ผลการประเมินพบว่าในการประเมินครั้งที่ 1 ชุมชนมีระดับการเข้าร่วมต่ำ (ระดับที่ 1) โดยมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมและกิจกรรมน้อยกว่าร้อยละ 50 (60 คน จาก 128 ครัวเรือน) ส่วนใหญ่มีส่วนร่วมแค่ในการแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มากพอในการตัดสินใจร่วมดำเนินกิจกรรมโครงการ แต่หลังจาก 1 ปี มีการประเมินใหม่พบว่า ความเข้มแข็งของชุมชนเพิ่มขึ้น (ระดับที่ 3) โดยสมาชิกเข้าร่วมประชุมและกิจกรรมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 93.75 (120 ครัวเรือน) และมีการตัดสินใจร่วมกันในการแก้ปัญหา รวมทั้งการเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ เช่น งานเมาลิดสัมพันธ์และประเพณีปีใหม่อิสลาม

            มิติที่ 2 ผู้นำชุมชน ผลการประเมินแสดงว่า ครั้งที่ 1 อยู่ในระดับ 1 แต่ในการประเมินล่าสุดได้พัฒนาขึ้นเป็นระดับ 3 โดยสภาผู้นำชุมชนมีผู้เข้าร่วมจากทุกกลุ่ม สามารถขับเคลื่อนงานตามแผนได้ดี และพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันทั้งภายในและนอกชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            มิติที่ 3 โครงสร้างองค์กร ผลการประเมินครั้งที่ 1 พบว่าสภาผู้นำชุมชนอยู่ในระดับ 2 โดยมีโครงสร้างที่ครบถ้วน การแบ่งหน้าที่ชัดเจน และประชุมเดือนละ 1 ครั้ง ขณะที่การประเมินล่าสุดในระยะใกล้สิ้นสุดโครงการ พบว่าอยู่ในระดับ 3 สภาผู้นำมีโครงสร้างและบทบาทที่ชัดเจน มีการประชุมทุกเดือน และดำเนินโครงการตามแผนได้ดี ทั้งในด้านการทำงานภายในชุมชนและประสานงานกับภายนอก รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับองค์กรอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มิติที่ 4 การประเมินปัญหา ผลการประเมินครั้งที่ 1 อยู่ในระดับ 1 เนื่องจากชุมชนไม่มีข้อมูลเชิงสถานการณ์ในการประเมินปัญหา หลังจากสภาผู้นำได้รับการพัฒนาทักษะและความรู้ ผลการประเมินครั้งล่าสุดอยู่ในระดับ 3 โดยชุมชนสามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ และนำมาวิเคราะห์ปัญหาได้ดีขึ้น

            มิติที่ 5 การระดมทรัพยากร ผลการประเมินครั้งที่ 1 พบว่า สภาผู้นำชุมชนยังไม่ดำเนินการระดมทรัพยากรภายในชุมชน (ระดับ 1) แต่ในการประเมินครั้งล่าสุด (ใกล้สิ้นสุดโครงการ) พบว่า สภาผู้นำชุมชนมีแผนพึ่งตนเอง มีการจัดการทรัพยากรทั้งภายในและภายนอกชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยมีการเก็บข้อมูลครัวเรือน วิเคราะห์ปัญหา และจัดทำแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนจาก สสส. (ระดับ 3)

            มิติที่ 6 การเชื่อมโยงกับองค์กรอื่น ผลการประเมินครั้งที่ 1 พบว่า สภาผู้นำชุมชนอยู่ในระดับ 1 สามารถติดต่อขอความร่วมมือจากบุคคลหรือองค์กรภายนอกได้บ้าง ส่วนผลการประเมินล่าสุดพบว่าอยู่ในระดับ 2 สภาผู้นำชุมชนมีข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรภายนอกในการดำเนินโครงการ สามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ และบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างโปร่งใส

            มิติที่ 7 การตั้งคำถามเพื่อการเรียนรู้ “ถามว่าทำไม” ผลการประเมินพบว่าในการประชุมสภาผู้นำชุมชนในครั้งแรกยังไม่เห็นการตั้งคำถาม “ทำไมต้องทำ” แต่เมื่อใกล้สิ้นสุดโครงการเริ่มมีการถามคำถามมากขึ้น เพื่อพิจารณาสาเหตุและผลกระทบของการดำเนินงาน ชุมชนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแย้งคำตอบได้ โดยมีการสื่อสารความก้าวหน้าผ่านหอกระจายข่าวและการประชุมประจำเดือน ทำให้มีการพัฒนาความคิดเชิงวิจารณญาณในระดับที่ดีขึ้น

            มิติที่ 8 ความสัมพันธ์กับองค์กรภายนอก ผลการประเมินโครงการจากตัวแทนองค์กรภายนอก ครั้งที่ 1 อยู่ในระดับ 1 ต้องการการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากพี่เลี้ยง แต่ผลการประเมินล่าสุดอยู่ในระดับ 2 โดยสภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจหลัก ส่วนพี่เลี้ยงช่วยอำนวยความสะดวก ให้คำปรึกษา และดูแลการฝึกอบรม การจัดทำบัญชีการเงิน การรายงานผล และการเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนตามความจำเป็น

            มิติที่ 9 การบริหารจัดการโครงการ ผลการประเมินพบว่า ครั้งที่ 1 สภาผู้นำชุมชนอยู่ในระดับที่ 1 ซึ่งบริหารจัดการภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงโดยมีการตัดสินใจร่วมกันและมีเอกสารข้อตกลง ขณะที่ผลการประเมินครั้งล่าสุดอยู่ในระดับที่ 3 โดยสภาผู้นำชุมชนสามารถบริหารจัดการได้เอง แต่ยังคงต้องการคำปรึกษาจากพี่เลี้ยงในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแผนการทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์

สรุปผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อมีการขับเคลื่อนของสภาผู้นำ
1. สภาผู้นำชุมชนประกอบด้วย 15 คนจากหลากหลายกลุ่ม มีการแบ่งงานเป็น 6 ฝ่าย และประชุมเดือนละ 1 ครั้ง โดยกำนันเป็นผู้แต่งตั้งคณะทำงาน
2. สภาผู้นำชุมชนลงพื้นที่สำรวจครัวเรือน 60 หลังเกี่ยวกับการจัดการขยะ และสอนการคัดแยกขยะให้กับครัวเรือนเหล่านี้
3. สภาผู้นำชุมชนเก็บข้อมูลจากครัวเรือนเพื่อจัดทำแผนชุมชนและขอรับการสนับสนุนจาก สสส.
4. สภาผู้นำชุมชนตั้งกติกาการคัดแยกขยะสำหรับครัวเรือนเป้าหมาย

ผลลัพธ์ที่ 2  ครัวเรือนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักในการจัดการขยะต้นทาง

กิจกรรม
            1. ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจโครงการให้กลุ่มเป้าหมาย
2. ปฏิบัติการคัดแยกขยะที่อย่างถูกวิธี
3. อบรมให้ความรู้การจัดการขยะที่ต้นทาง
4. ปฏิบัติการ การประยุกต์ใช้ขยะเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่

ตัวชี้วัด
            1. 60 ครัวเรือนมีความรู้เข้าใจในเรื่องการคัดแยกขยะที่อย่างถูกวิธี
2. 60 ครัวเรือนมีความตระหนักและปฏิบัติการคัดแยกขยะต้นทาง
3. เกิดกติกาคัดแยกขยะต้นทางในครัวเรือน 3 ข้อ

ตัวชี้วัดที่เกิดขึ้นจริง
            1. ครัวเรือน60 ครัวเรือนมีความรู้เข้าใจจากการปฏิบัติการคัดแยกขยะที่อย่างถูกวิธี
2. ครัวเรือน 60 ครัวเรือนปฏิบัติการคัดแยกขยะต้นทางในครัวเรือน
3. การปฏิบัติการคัดแยกขยะ 60 ครัวเรือนกำหนดกติกาคัดแยกขยะต้นในครัวเรือน จำนวน 3 ข้อ
– ทุกครัวเรือนต้องแยกประเภทขยะภายในครัวเรือน
– ขยะเปียกทิ้งรวมกับขยะเปียกและเศษอาหารเก็บทำปุ๋ยหมัก
– ให้ช่วยกันรักษาความสะอาดบริเวณหน้าบ้าน

ผลลัพธ์ที่ 3 ครัวเรือนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและคัดแยกขยะต้นทางในครัวเรือน ปริมาณขยะทั่วไปลดลง ขยะรีไซเคิลเพิ่มขึ้น

กิจกรรม
           1. มีการเยี่ยมบ้านครัวเรือนคัดแยกขยะเพื่อติดตามพฤติกรรมการการคัดแยกขยะในครัวเรือน
2. ขยะแลกบุญ
3. ประกวดครัวเรือนต้นแบบด้านการจัดการขยะ

ตัวชี้วัด
           1. มีการติดตามพฤติกรรมคัดแยกขยะในครัวเรือน 60 ครัวเรือน
2. มีกองทุนขยะเกิดขึ้นในชุมชน
3. มีพื้นที่กลางของชุมชนในการบริจาคขยะเพื่อแลกบุญให้กับศูนย์ตาดีกา
4. มีครัวเรือนต้นแบบด้านการจัดการขยะ
5. ไม่พบโรคติดต่อที่เกิดจากขยะ เช่นไข้เลือดออก โรคอุจาระร่วง

ตัวชี้วัดที่เกิดขึ้นจริง
           1. ครัวเรือนมีการคัดแยะขยะต้นทาง ร้อยละ 93.75
2. มีกองทุนขยะเกิดขึ้นในชุมชน
3. มีพื้นที่กลางของชุมชน (โรงพักขยะ) เพื่อเก็บขยะรอจำหน่ายเข้ากองทุน
4. ขยะอันตราย เกิดจากร้านค้าและตลาดสด เป็นซากแบตเตอร์รี่ หลอดไฟฟลูออเรสเซ้นต์ ถ่านไฟฉาย แยกไว้ก่อนนำส่งหน่วยงานท้องถิ่นกำจัด
5. ครัวเรือนต้นแบบแกนนำสภา 15  ครัวเรือน ๆ คัดแยกขยะ 25 ครัวเรือนคัดแยกขยะทั้ง 60 ครัวเรือน
6. ไม่พบโรคติดต่อที่เกิดจากขยะ เช่นไข้เลือดออก โรคอุจาระร่วง
7. ปริมาณขยะในครัวเรือนลดลงร้อย 50

ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการ
           1. คณะกรรมการไม่เข้าใจแผนการดำเนินงาน มีการประชุมประจำเดือนคณะกรรมการสภาผู้นำชุมชนไม่ครบองค์ประชุมเนื่องจากมีภารกิจส่วนตัว
2. ความไม่ต่อเนื่องของโครงการทำให้การจัดการขยะไม่มีประสิทธิภาพ

รูปภาพกิจกรรมการดำเนินงานชุมชนน่าอยู่
       

กิจกรรมอบรมให้ความรู้ สาธิตการทำถังขยะเปียก                          กิจกรรม จิตอาสา Big Cleaning Day ในชุมชน

       

ที่พักขยะรีไซเคิลของชุมชน                                                  กิจกรรมสมัครครัวเรือนการจัดการขยะ

       

กิจกรรมอบรมให้ความรู้การจัดการขยะ แก่ตัวแทนครัวเรือนชุมชนบ้านบือเจาะบองอ

                               

กิจกรรมประชุมสภาผู้นำชุมชนและกิจกรรมประชุมคณะทำงานการจัดการขยะโดยชุมชน

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ