โครงการชุมชนน่าอยู่ภาคอีสาน: บ้านเก่าเดื่อ ม.7 จ.กาฬสินธุ์

การถอดบทเรียนชุมชนน่าอยู่ภาคอีสานบ้านเก่าเดื่อหมูที่ 7
ตำบลทุ่งคลอง อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์

1. บริบทชุมชน – สถานการณ์ของพื้นที่
1.1 ข้อมูลทั่วไป บ้านเก่าเดื่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2452 โดยอพยพมาจากบ้านนาทันและบ้านเหล่าดงเหนือ ประชากรเพิ่มขึ้นจนแยกหมู่บ้านในปี 2510 เป็นบ้านเก่าเดื่อหมู่ที่ 7 ปัจจุบันมีผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันคือ นางนคร ไฝชอบ มีพื้นที่ติดต่อกับเขตต่างๆ ทั้งทิศเหนือ, ใต้, ตะวันออก และตะวันตก
– มีหลายกลุ่มเศรษฐกิจ เช่น กองทุนหมู่บ้าน, กองทุนโครงการ กข.คจ., กลุ่มออมทรัพย์, และกลุ่มสตรีทอผ้า โดยมีเงินทุนรวมกว่า 4,620,000 บาท รายรับเฉลี่ยปีละ 19,413,117 บาท และรายจ่ายปีละ 13,277,505 บาท
– มีการปกครองแบบคณะกรรมการ 12 คุ้ม และการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำชุมชนและสมาชิก ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น การประชุมและการจัดการข้อมูลผ่าน อสม. โดยส่วนใหญ่จะเป็นการประชุมที่มีการแจ้งข่าวสารผ่านเสียงตามสายหรือการจัดประชุมกลุ่มเล็กๆ แต่ยังขาดทักษะในการประเมินปัญหาและการพัฒนาบริหารงานอย่างเต็มที่
– ชุมชนยังขาดการพัฒนาในด้านการบริหารจัดการข้อมูลและการประเมินผล รวมถึงการขาดการประชาคมที่มีส่วนร่วมจากทุกคนในหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม มีความร่วมมือที่ดีในการจัดกิจกรรมและสนับสนุนโครงการต่างๆ ของชุมชน

1.2 สถานการณ์ปัญหาและความไม่น่าอยู่ของชุมชน บ้านเก่าเดื่อ มีประชากร 388 คน โดยส่วนใหญ่ทำการเกษตรกรรมและทอผ้าไหมเป็นอาชีพหลัก ปัญหาหลักในหมู่บ้าน ได้แก่

  1. สุขภาพ: ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดัน 68 คน ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่และดื่มเหล้า
  2. สิ่งแวดล้อม: ขาดการจัดการขยะที่เหมาะสม ทำให้เกิดมลพิษและแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค
  3. การใช้สารเคมี: การใช้สารเคมีในการเกษตรส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ตาแห้ง คลื่นไส้ และการแพ้สารเคมี
  4. พฤติกรรมเสี่ยง: การดื่มเหล้าและสูบบุหรี่มีจำนวนไม่น้อยและมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนในครอบครัว
  5. การขาดการออกกำลังกาย: ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ออกกำลังกาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
  6. น้ำประปาและสภาพแวดล้อม: น้ำประปาสกปรก, ฝุ่นละอองจากการขนส่ง, และแหล่งน้ำใต้ดินขาดแคลน
  7. ปัญหาการจัดการชุมชน: ไม่มีการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ และกฎระเบียบชุมชนไม่ชัดเจน
  8. โครงการ อบต. ไม่ต่อเนื่อง: การขาดการติดตามและประเมินผลโครงการ ทำให้ชุมชนขาดความตระหนักและการมีส่วนร่วม

      ต้นไม้ปัญหาในประเด็นที่ขับเคลื่อน สรุปสถานการณ์ปัญหาการสูบบุหรี่ในบ้านเก่าเดื่อ ชุมชนมี 150 หลังคาเรือน ประชากร 388 คน (ชาย 189, หญิง 199) โดย 71 คน (18.3%) ติดบุหรี่ ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
      – ผลกระทบทางสุขภาพ: พบผู้ป่วยโรคถุงลมโปร่งพอง 2 คน, โรคมะเร็งปอดและโรคหลอดเลือดหัวใจ 1 คน, และโรคหลอดเลือดสมอง 2 คน
      – ผลกระทบทางสังคม: การสูบบุหรี่ทำให้เกิดปัญหาควันพิษ, กลิ่นเหม็น, และความไม่สะดวกในการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัวและชุมชน
      – ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: ค่าใช้จ่ายจากการซื้อบุหรี่สูง, แม้จะมีการแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน แต่ยังคงเป็นภาระครัวเรือน

      สาเหตุของปัญหา:
                1. พฤติกรรม: การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติ, ผู้ปกครองสูบและเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ
                2. สภาพแวดล้อม: บุหรี่ราคาถูก, ร้านค้าสามารถขายได้ตลอดเวลา, ไม่มีการควบคุมบุหรี่ในชุมชน
                3. สภาพแวดล้อมทางสังคม: ไม่มีการตักเตือนหรือการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
                4. ระบบที่เกี่ยวข้อง: ไม่มีการรณรงค์หรือกิจกรรมการเลิกบุหรี่ในชุมชน, ไม่มีคลินิกเลิกบุหรี่

      โครงการแก้ไขปัญหา: ชุมชนจัดทำโครงการ “ชุมชนเก่าเดื่อ ลด ละ เลิกบุหรี่” เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและสร้างชุมชนปลอดบุหรี่ โดยมีมาตรการ เช่น การห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและการกำหนดกติกาชุมชนให้ครัวเรือนปลูกผักและคัดแยกขยะ

      การดำเนินการ:
               กติกาชุมชน: ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ, ห้ามขายบุหรี่ในงานศพ, ห้ามใช้สารเคมีในเกษตรกรรม, และอื่นๆ
               ผลการปฏิบัติ: บางครัวเรือนยังไม่ปฏิบัติตาม, แต่สภาผู้นำชุมชนได้เริ่มลงมติเพื่อบังคับใช้กติกา
               เป้าหมาย: ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่, สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดบุหรี่, และเสริมสร้างสุขภาพของสมาชิกในชุมชน

2. ความเป็นมาของชุมชนน่าอยู่บ้านเก่าเดื่อ หมูที่ 7

จุดเริ่มต้นการเข้าร่วมโครงการ โครงการชุมชนน่าอยู่เริ่มจากการร่วมมือระหว่างสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม (สำนัก 6) กระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าโครงการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขยายกลไกการทำงานของสภาผู้นำชุมชนในพื้นที่ที่เป็น รพ.สต. กระทรวงสาธารณสุข โดยเลือกพื้นที่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น สถานีอนามัยบ้านเก่าเดื่อ ตำบลทุ่งคลอง อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อทดลองสร้างกลไกสภาผู้นำชุมชนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาชุมชน

        ในระยะแรกมีการจัดเวทีเรียนรู้และศึกษาดูงาน เพื่อให้พี่เลี้ยงและชุมชนในพื้นที่เข้าใจแนวทางการทำงาน จากนั้นได้จัดตั้งสภาผู้นำชุมชน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำในหมู่บ้านและตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ โดยมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน และเริ่มต้นการแก้ไขปัญหาบุหรี่ในชุมชนเป็นต้นแบบ ด้วยแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับปัญหาชุมชน ทั้งนี้สภาผู้นำชุมชนได้เริ่มดำเนินการลด ละ เลิกบุหรี่และมีผลการทำงานที่ชัดเจนจากสมาชิกในชุมชน

3. กระบวนการก่อตัวและองค์ประกอบของสภาผู้นำชุมชน

สภาผู้นำชุมชนบ้านเก่าเดื่อประกอบด้วยสมาชิก 24-28 คน ซึ่งเริ่มจากการคัดเลือก อสม. และผู้นำจากแต่ละคุ้ม รวมถึงเยาวชนเข้ามาร่วมงาน โดยมีเป้าหมายให้สภาผู้นำครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมู่บ้านและรับการยอมรับจากชุมชน แต่ยังพบปัญหาการแบ่งบทบาทหน้าที่ไม่ชัดเจน เนื่องจากบางคุ้มมีสภาจำนวนมาก บางคุ้มมีสภาน้อย ทำให้การดูแลครัวเรือนไม่ลงตัว บทเรียนที่ได้รับคือ แม้โครงสร้างสภาฯ จะครบ แต่สมาชิกยังไม่เข้าใจบทบาทของตนเองและไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการประชุมและปรับโครงสร้างอีกครั้งเพื่อแก้ไขปัญหานี้

         การพัฒนาสภาผู้นำชุมชน สภาผู้นำชุมชนร่วมพัฒนากับหน่วยจัดการผ่านการศึกษาดูงานและลงพื้นที่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนบ้านเก่าเดื่อในอำเภอสมเด็จ ผ่านกลไกสภาผู้นำ ซึ่งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาใหม่ 25 คน โดยแบ่งหน้าที่ตามความสามารถและเปิดรับการทำงานร่วมกัน การบริหารงบประมาณและการกำหนดผลลัพธ์ร่วมกัน สภาฯ เรียนรู้ว่า การเป็นต้นแบบที่ดีสำคัญต่อการส่งเสริมให้คนอื่นทำตาม ส่วนบทเรียนจากพี่เลี้ยงคือ การพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำกิจกรรมที่ชัดเจนจะช่วยให้สภาฯ เห็นภาพรวมได้ดีขึ้น

         โครงสร้างและหน้าที่ของสภาผู้นำชุมชนในปัจจุบัน

  • การจัดตั้งสภาชุมชน: ประกอบด้วยกรรมการหมู่บ้าน, ผู้นำทางศาสนาและผู้นำไม่เป็นทางการ, และตัวแทนกลุ่มต่างๆ ในชุมชน
  • สภาผู้นำชุมชนเป็นต้นแบบในการเลิกบุหรี่: โดยมีสมาชิก 1 คนที่เลิกบุหรี่ และ 3 คนที่ลดการสูบ
  • การวิเคราะห์ปัญหาบุหรี่: สภาผู้นำชุมชนสามารถวิเคราะห์และจัดการปัญหาบุหรี่โดยใช้แนวทางจากชุมชน
  • แผนปฏิบัติการลด ละเลิกบุหรี่: สอดคล้องกับปัญหาของชุมชน
  • โครงสร้างสภาผู้นำ: แบ่งเป็น 10 คุ้ม โดยมีหัวหน้าคุ้มและสภาผู้นำในแต่ละคุ้มเพื่อจัดการและติดตามงาน เช่น การเลิกบุหรี่,
    งานศพปลอดเหล้า, การปลูกผักปลอดสาร

4. การบริหารจัดการ  

จากการดำเนินงานโครงการพบว่า สภาผู้นำชุมชนมีการเรียนรู้รูปแบบการทำงานที่ชัดเจน เช่น การวางแผน การกำหนดตัวชี้วัด และการกระจายบทบาทหน้าที่ในแต่ละกิจกรรม ซึ่งมีการลงพื้นที่สนับสนุนจากพี่เลี้ยงเพื่อแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนแผนชุมชนพึ่งตนเอง อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการติดตามผลกิจกรรมที่ไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมขยะที่เคยทำแล้วไม่ได้ผล

มิติด้านต่าง ๆ ของการดำเนินงาน ได้แก่ สุขภาพ (การตรวจสุขภาพผู้สูงอายุและคัดกรองกลุ่ม 35 ปีขึ้นไป), สิ่งแวดล้อม (รณรงค์ปรับภูมิทัศน์), สังคม (การจัดการผู้ป่วยจิตเวช), และเศรษฐกิจ (การดำเนินการกลุ่มออมทรัพย์และวิสาหกิจชุมชน เช่น กลุ่มทอผ้าไหมและกลุ่มเห็ด)

บทเรียนสำคัญคือ การติดตามผลลัพธ์ยังไม่เพียงพอ และมีช่องว่างในการพัฒนาในด้านการทำแผนและการสะท้อนผลการทำงาน ทั้งนี้ พี่เลี้ยงมีบทบาทในการชี้แจงแผนและสนับสนุนการเก็บข้อมูล แต่ยังต้องพัฒนาในเรื่องการสะท้อนผลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถปรับปรุงการทำงานและบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ผลลัพธ์ความสำเร็จที่เกิดขึ้น

          โครงการอบรมเกี่ยวกับการลด ละ เลิกบุหรี่ในชุมชนได้รับความร่วมมือดีจากผู้เข้าร่วมที่ทำพันธสัญญาจะเลิกบุหรี่เพื่อประโยชน์ต่อตัวเองและครอบครัว บางคนมีประสบการณ์เลิกบุหรี่มาแชร์ และบางส่วนสามารถลดการสูบบุหรี่ได้สำเร็จ โดยเฉพาะสมาชิกสภาชุมชนที่ลดการสูบได้อย่างเห็นได้ชัด

โครงสร้างสภาชุมชนมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง มีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมประชุมไม่ต่ำกว่า 70% แต่ยังขาดการแบ่งบทบาทชัดเจนและการติดตามผลจากแผนการดำเนินงาน

ปัจจุบันมีสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ในชุมชนตามกฎหมาย เช่น ศาลาประชาคมและวัด ส่วนร้านค้ายังไม่มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ยาสูบ 2560 อย่างเต็มที่ โดยมีผู้สูบบุหรี่เข้าร่วมโครงการประมาณ 39% ซึ่งในระยะเวลา 6 เดือน มีผู้เลิกบุหรี่ 5.08% และลดการสูบลงได้ 20.33% พร้อมมีบุคคลต้นแบบที่เลิกบุหรี่อย่างน้อย 6 เดือน คิดเป็น 6.77% ของผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด

ความเข้มแข็งสภาผู้นำชุมชน (ตามบันไดผลลัพธ์สภาผู้นำชุมชน)

ตัวชี้วัด รายละเอียดข้อมูล
(ข้อมูลจริงที่เกิดขึ้นและ
ข้อมูลตัวอย่างสนับสนุน)
ช่องว่าง แนวทางแก้ไข
1. มีสภาผู้นำชุมชน
1.1 จำนวนสภาผู้นำชุมชน
1.2 องค์ประกอบ / ที่มาของสภาผู้นำชุมชนมีความครอบคลุม
1.3 สภาผู้นำชุมชนได้รับรู้และได้รับการยอมรับจากกลุ่ม / คุ้ม / ชุมชน
– จำนวนสภา ทั้งหมด 25 คนประกอบด้วยผู้นำ อสม ประธานแต่ละคุ้มและมีเยาวชนเข้าร่วมเป็นสภา โดยแบ่งออกเป็น 10 คุ้มที่รับผิดชอบ และให้อสม เก็บรวบรวมข้อมูลในแต่ละคุ้มพร้อมกับที่เก็บรวบรวมข้อมูลอื่นส่งหมออนามัย – เป็นช่องว่างระหว่างวัยเยาวชนอาจยังไม่เข้าใจ – มีการชี้แจงแบ่งบทบาทสภาให้ชัดเจน
2. สภาผู้นำชุมชนมีการกำหนดวาระการประชุม และมีแผนการประชุม อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และมีผู้บันทึกการประชุมทุกครั้ง มีคนเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 – สภาทีการกำหนดวาระการประชุมในแต่ละเดือน เดือนละ 1 ครั้งโดยแยกออกจากการประชุมประจำเดือนหมู่บ้าน – ช่วงฤดูเกี่ยวข้าวทำให้เดือน พ.ย. ไม่ได้ประชุม – ดูความพร้อมและติดตามข้อมูลผ่านไลน์
3. มีกติกาของสภาผู้นำชุมชนและกติกาชุมชนที่ผ่านการยอมรับ – มีการจัดตั้งกติกาสภาและโหวตเห็นชอบร่วมกัน แต่ไม่มีการตั้งกติกาชุมชน – เนื่องจากฤดูเกี่ยวข้าวยังไม่มีการประชุมชาวบ้าน – วางแผนว่าจะติดตามและสร้างกติกาชุมชนภายในเดือน ธ.ค.
4. สภาผู้นำชุมชนทุกคนรู้และเข้าใจบทบาทหน้าที่ตนเองชัดเจน มีการกำหนดโครงสร้างการทำงาน ความรับผิดชอบชัดเจน – มีการจัดแบ่งหน้าที่สภาแต่ละคนที่ชัดเจนในเรื่องการเก็บข้อมูลบุหรี่ในชุมชน

5. มีเป้าหมายและแผนชุมชนพึ่งตนเองในการพัฒนาชุมชนน่าอยู่จากข้อมูลปัญหาความไม่น่าอยู่ที่ผ่านการวิเคราะห์ และวางแผนการดำเนินงาน อย่างน้อย 1-2 ประเด็น – ประเด็นที่ 1 การลด ละเลิกบุหรี่
– ประเด็นที่ 2 การจัดการขยะในชุมชน

6. มีความก้าวหน้าเชิงประเด็นที่ดำเนินงานภายใต้การผลักดันของสภาผู้นำชุมชน จาก
6.1 ประเด็นงานตามโครงสร้างร่วมกับ สสส.
6.2 ประเด็นงานตามกติกาชุมชน
6.3 ประเด็นงานตามแผนชุมชนพึ่งตนเอง
– จากประเด็นการลดละ เลิกบุหรี่ ได้ออกสำรวจผู้สูบบุหรี่โดยใช้เครื่องมือ
– ยังไม่มีกติกาชุมชน

7. มีการติดตามประเมินผลขับเคลื่อนงานตามแผนอย่างต่อเนื่อง – ยังไม่มีการติดตามประเมินผล

8. สภาผู้นำชุมชนมีการสื่อสารข้อมูล ความก้าวหน้าในการทำงาน และผลการดำเนินงานให้สภาผู้นำชุมชนและคนในชุมชนรับทราบ เพื่อพัฒนาปรับปรุงอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง – ยังไม่มีการติดตามประเมินผล

ความเข้มแข็งชุมชน (อธิบายและนำข้อมูลผลการประเมิน 9 มิติล่าสุด)

ผลการประเมินความเข้มแข็งชุมชน 9 มิติ
(ผลการประเมินงวดที่ 2)
สถานะปัจจุบันอยู่ขั้นที่ ข้อมูลและเหตุผลสถานะความเข้มแข็งปัจจุบันที่ใช้ประเมิน วิธีการหรือแนวทาง
การแก้ไข ปรับปรุง
และพัฒนา
บทเรียน
(พี่เลี้ยง-ชุมชน)
1. มิติโครงสร้างองค์กร 4 – สภาผู้นำชุมชนมีโครงสร้างประกอบด้วยทุกกลุ่มในชุมชน มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง สภาผู้นำชุมชนมีการแบ่งบทบาทการทำงานในโครงการ มีหลักฐานว่าได้ดำเนินการประสานกับกลุ่มอื่นๆในชุมชนได้ – ต้องมีหลักฐานว่าได้ดำเนินการประสานกับกลุ่มอื่นๆในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ – เพิ่มศักยภาพในการประสานงานกับองค์กรภายนอกอย่างชัดเจน
2. มิติผู้นำเข้มแข็ง 3 – ผู้นำทุกกลุ่มผลักดันให้กลุ่มตนมีแผนการทำงานที่ชัดเจน

– ผู้นำกลุ่มสามารถติดตามแผนงานของตนเองได้

– ผู้นำกลุ่มต้องขัยเคลื่อนงานตามแผนงานตอนเองได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ของเป้าที่กำหนดไว้ และสามารถยกระดับการทำงานร่วมกับกลุ่มองค์กรในชุมชนได้ – เพิ่มศักยภาพให้ผู้นำสามารถขับเคลื่อนงานตามแผนงานและองค์กรในชุมชนและเห็นภาพการทำงานมากขึ้น
3. มิติการมีส่วนร่วม 3 – สมาชิกชุมชนเข้าร่วมประชุมและร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 สมาชิกชุมชนแสดงความคิดเห็นมากขึ้น หรือสมาชิกหน้าใหม่ร่วมแสดงความคิดเห็น – เน้นให้สมาชิกชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น หรือมีสมาชิกหน้าใหม่ร่วมตัดสินใจมากขึ้น – พี่เลี้ยงควรติดตามและกระตุ้นการแสดงร่วมกันมากขึ้น
4. มิติความสามารถในการประเมินปัญหา 3 – มีการแบ่งบทบาทหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใน การเก็บข้อมูลและดูแลข้อมูลอย่างชัดเจน มีการออกแบบวิธีการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล มีฐานข้อมูลชุมชนที่ครอบคลุมทุก มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มีการวิเคราะห์และประเมินปัญหา – เน้นการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง ที่ได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน – พี่เลี้ยงควรวางแผนชุมชนพึ่งตนเองที่ผ่านการประชาคมจากชุมชน
5. มิติการระดมทรัพยากร 3 – มีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่ กำหนดใช้ทรัพยากร ทั้งจากภายในและนอกชุมชน – เพิ่มให้มีการระดมทรัพยากรจากภายในชุมชนได้ตามแผนชุมชน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนแผนโครงการตามแผนชุมชน – พี่เลี้ยงยังมองไม่เห็นการระดมทุนทางชุมชนทำให้การขับเคลื่อนแผนงานไม่บรรลุเป้า
6. มิติการเชื่อมโยงกับองค์กร/ชุมชนอื่น 2 – มีการประสานงานขอความช่วยความร่วมมือกับบุคคลหรือองค์กรภายนอกทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ – มีข้อตกลงความร่วมมือภายนอกในการดำเนินการโครงการ สสส. – ช่วยประสานงานการเชื่อมงานขององค์อรภายนอก เช่น อบต.
7. มิติการตั้งคำถามเพื่อการเรียนรู้ (ถามว่าทำไม) 3 – มีการถาม “ ถามว่าทำไม” ในการประชุมสภาผู้นำชุมชนเกือบทุกครั้ง โดยไม่เกิดความขัดแย้ง – มีหลากหลายตัวอย่างการถาม ในกลุ่มต่างๆ – พี่เลี้ยงต้องมีบทบาทการซักถามมากขึ้น
8. มิติความสัมพันธ์กับตัวแทนองค์กรภายนอก 3 – พี่เลี้ยงยังต้องมีการประสานงาน/ชี้เป้า/แนะนำ เพื่อเชื่อมการทำงาน

– พี่เลี้ยงช่วยในการปรับแผนการทำงานให้บรรลุผลลัพธ์ที่กำหนดไว้พี่เลี้ยงจะแนะนำความเสี่ยงในบางโครงการ

– การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พี่เลี้ยงต้องนัดหมาย คอยกระตุ้นหรือช่วยเอ๊ะในกระบวนการอยู่บ้าง

– กระตุ้นให้ชุมชนสามารถปรับแผนการทำงานให้บรรลุผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ พี่เลี้ยงให้คำปรึกษาปรับแผน เพื่อให้ชุมชนสามารถจัดเวทีเรียนรู้ชุมชนได้เอง พี่เลี้ยงทำหน้าที่ให้คำแนะนำเท่านั้น – พี่เลี้ยงต้องมีการช่วยกระตุ้นชุมชน เพื่อให้ชุมชนมองเห็นศักยภาพและสามารถจัดเวทีการเรียนรู้เองได้
9. มิติการบริหารจัดการโครงการ 3 – สภาผู้นำชุมชนยังต้องการคำปรึกษาในเนื้อหาของการจัดกิจกรรม

– สภาผู้นำชุมชนสามารถเก็บข้อมูลได้แต่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้

– สภาผู้นำชุมชนยังต้องให้พี่เลี้ยงช่วยในการวิเคราะห์และปรับแผนการทำงานเป็นส่วนใหญ่

– สภาผู้นำชุมชนยังไม่สามารถเป็นต้นแบบ และถ่ายทอดได้

– กระตุ้นและเพิ่มศักยภาพสภาผู้นำชุมชนในการบริหารจัดการ เก็บรวมรวม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเอง

– เพื่อให้สภาสามารถเป็นต้นแบบและถ่ายทอดบทเรียนให้คนอื่นได้

– ต้องสะท้อนและหาช่องว่างของชุมชนเพื่อให้คำแนะนำและสามารถทำงานโดยชุมชนสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมได้เอง

6. ช่องว่างและประเด็นที่ต้องปรับปรุง เรียนรู้ต่อเนื่อง

บทเรียนในการดำเนินงานของสภาและพี่เลี้ยงในชุมชนใหม่พบอุปสรรคหลายด้าน เช่น การออกแบบและติดตามข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน การแบ่งบทบาทและหน้าที่ของสภาผู้นำที่ยังไม่ชัดเจน แต่หลังจากศึกษาดูงานที่บ้านนาแก ทำให้สามารถปรับปรุงการแบ่งครัวเรือนรับผิดชอบตามคุ้มได้ และสร้างสภาผู้นำชุมชนใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาขาดคนดูแลในช่วงการเปลี่ยนแปลง แม้เครื่องมือในการติดตามข้อมูลยังไม่ชัดเจน แต่การเรียนรู้จากเวทีแลกเปลี่ยนช่วยปรับวิธีเก็บข้อมูลใหม่จนสามารถติดตามผู้สูบบุหรี่ในชุมชนได้

การอบรมทำให้ผู้เข้าร่วมตั้งใจลด ละ เลิกบุหรี่ โดยได้ทำพันธสัญญาว่าจะเลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพและครอบครัว พร้อมกับการแบ่งปันประสบการณ์การเลิกบุหรี่ที่ประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ สมาชิกในสภาชุมชนก็เริ่มลดการสูบบุหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน

7. แนวทางการสร้างความต่อเนื่อง ขยายผลและความยั่งยืน แผนการปรับปรุงงานและขับเคลื่อนงานของสภาผู้นำชุมชนในระยะต่อไปมีหลายประเด็นสำคัญ ได้แก่:

  1. กิจกรรมการจัดการขยะและการทำปุ๋ยหมัก: จะมีการคัดแยกขยะและแจกเมล็ดผักให้ครัวเรือนที่รับผิดชอบ พร้อมติดตามผลการดำเนินงานของแต่ละครัวเรือน
  2. กติกาชุมชน: มีกติกาชุมชนที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด การพนัน ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะ ฯลฯ หากฝ่าฝืนจะมีการปรับเงินหรือมาตรการลงโทษ
  3. การติดตามผลและการลงโทษ: สภาผู้นำชุมชนจะมีการติดตามผลการปฏิบัติตามกติกาชุมชน และหากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบจะมีคณะกรรมการตัดสินและลงโทษตามความเหมาะสม
  4. โครงการอบรมเลิกบุหรี่: สภาผู้นำชุมชนได้จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ ซึ่งผู้เข้าร่วมได้ทำพันธสัญญาที่จะลด ละ เลิกบุหรี่ และมีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่ไปแล้ว
Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ