โครงการชุมชนน่าอยู่: บ้านหนองบัว ม.3 จ.ลำปาง

โครงการชุมชนน่าอยู่บ้านหนองบัว หมู่ที่ 3 ตำบลเมืองยาว อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง

บ้านนาบัว หมู่ที่ 3 ต.เมืองยาว อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง  เป็นหมู่บ้านที่เป็นศูนย์กลางของตำบลเมืองยาว เพราะเป็นทางผ่านไปได้หลายหมู่บ้าน ทางทิศเหนือติดกับบ้านใหม่สามัคคี หมู่ที่ 11 ทางทิศใต้ติดติดกับหมู่บ้านสันกำแพงใต้ หมู่ที่ 14 ทางทิศตะวันออกติดกับหมู่บ้านเหล่า หมู่ที่ 10 และทางทิศตะวันตกติดกับหมู่บ้านนาน้ำมัน หมู่ที่ 4 บ้านนาบัว  โดยอยู่ห่างจากอำเภอห้างฉัตร ประมาณ 14 กิโลเมตร   มีพื้นที่ป่าชุมชนจำนวน 288 ไร่ ซึ่งจะติดกับบ้านนาน้ำมันและบ้านใหม่สามัคคี  พื้นที่อยู่อาศัยจำนวน 04.00 ตารางกิโลเมตร  มีจำนวนครัวเรือนอยู่ทั้งหมด 151 ครัวเรือน และมีจำนวนประชากรจำนวน 611 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทำงานทั่วไป รับจ้าง ทำไร ทำนา ทำสวนต่างๆ ทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย มีตลาดสดอยู่ 1แห่ง เป็นตลาดเช้า ซึ่งมีคนมาซื้อขายเป็นจำนวนมาก และมีปั๊มน้ำมันขายส่งน้ำมันขายปลีก จำนวน 1 แห่ง หมู่บ้านนา สภาพทางด้านเศรษฐกิจ อาชีพหลักในหมู่บ้านคือ อาชีพทำนา ซึ่งจะทำนาปีละ 2 ครั้งคือนาปีและนาแล้ง แต่เนื่องจากข้าวราคาไม่แพง จึงส่งผลต่อรายได้ของครัวเรือน รวมถึงราคาปุ๋ยและสารเคมีมีราคาที่สูง ทำให้รายได้ของครัวเรือนไม่ค่อยเพียงพอกับรายจ่ายประจำวัน  สภาพทางด้านสังคม คนในชุมชนขาดความร่วมมือในการทำกิจกรรมภายในหมู่บ้าน และขาดการมีส่วนร่วมในการทำงาน ทำให้ส่งผลต่อการพัฒนาหมู่บ้านโดยรวม  

กลไกสภาผู้นำชุมชน

ชุมชนบ้านนาบัว มีกลไกสภาผู้นำชุมชนโดยมีสภาผู้นำชุมชนทั้งหมด 23 คน โครงสร้างของสภาผู้นำประกอบไปด้วย ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ตัวแทนคุ้มบ้าน อสม. กรรมกทบ. สมาชิกสภาเทศบาล จิตอาสา ตัวแทนเยาวชน  และตัวแทนอื่นๆ  สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากตัวแทนของสภาผู้นำชุมชนแต่ละฝ่ายก็จะรับผิดชอบตามหน้าที่ที่แตกต่างกันไป  โดยสภาผู้นำชุมชนจะมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง การประชุมในแต่ละครั้งจะมีจัดทำรายงานการประชุมทุกครั้ง โดยจะรับฟัง ข้อเสนอแนะ และปัญหาของคนในชุมชน ซึ่งทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจร่วมกัน และเมื่อประชุมเสร็จสภาผู้นำก็จะดำเนินงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และหลังจากนั้นก็จะทำการประชาสัมพันธ์ให้กับลูกบ้านได้รับทราบต่อไป โดยมีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกันประกอบด้วย

1.จะทำให้ชุมชนเป็นระเบียบ น่าอยู่น่ามอง เป็นตัวอย่างให้แก่ชุมชนหรือหมู่บ้านอื่น เพื่อให้นำไปปรับใช้กับชุมชนตนเองได้ กล่าวคือ ถ้าชุมชนเราสะอาด ไม่มีขยะทิ้งเรี่ยลาด ตามข้างทางหรือตามแหล่งน้ำ ต่างๆ ก็จะทำให้ชุมชนที่เราอยู่อาศัย สามารถเป็นตัวอย่างให้แก่ชุมชนใกล้เคียงด้วย ใครผ่านไปผ่านมาก็เป็นที่ประทับใจ เป็นที่พูดถึงว่าชุมชนแห่งนี้ ว่าเป็นชุมชนน่าอยู่ มีการจัดการขยะได้เป็นอย่างดี

2.เปลี่ยนขยะให้มีค่า(เป็นรายได้เสริมหรืออาจจะเป็นรายได้หลัก) เช่นการจัดตั้งธนาคารขยะ คือทุกครัวเรือนสามารถนำขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่มาแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของใช้ หรือแลกเปลี่ยนเงิน และมีการแบ่งบันหุ้นสำหรับสมาชิกด้วย

3.ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้เพื่อจะได้นำกลับไปในทั้งที่บ้านและโรงเรียน รวมถึงสถานที่สาธารณะต่างๆ เป็นต้น กล่าวคือ เด็กและเยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมเช่น ถ้าพบเห็นขวดพลาสติก กระป๋องเบียร์ หรือสิ่งของที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ ก็ให้เก็บรวบรวมแล้วนำมาขาย หรือ เห็นเศษขยะตามข้างทางก็ให้ช่วยกันเก็บนำไปทิ้งในถังขยะ เพื่อให้หมู่บ้านชุมชนสะอาด น่าอยู่

4.เปลี่ยนแนวคิดของคนสมัยเก่าที่จะจัดการขยะด้วยการเผา มาเป็นรูปแบบอื่น เพื่อช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้ด้วย และลดหมอกควันจากเผาด้วย  โดยผู้สูงอายุ หรือคนรุ่นก่อนๆ มักกำจัดขยะโดยวิธีการเผาขยะ โดยไม่คิดคำนึงผลกระทบต่อโลก และผลกระทบต่อบ้านใกล้เรือนเคียง ไม่ว่าจะเป็นการส่งกลิ่นเหม็นรบกวนและเกิดควันไฟ โดยจะเน้นให้แต่ละครัวเรือนได้ตระหนักถึงผลเสียต่างๆจากการเผาขยะ และให้เปลี่ยนแนวคิดของคนรุ่นเก่าโดยบอกว่าขยะมีการจัดการได้หลายวิธี เช่นการแยกขยะแต่ละประเภท พอเราแยกแล้วขยะเหล่านั้น ก็จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือสามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินได้ เป็นต้น

5.การส่งเสริมให้นำขยะอินทรีย์ เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เศษอาหารที่เหลือจากการกินทุกวัน นำมาผลิตเป็นปุ๋ยได้ ทำให้สามารถจัดการกับกลุ่มขยะเปียก ช่วยลดการทิ้งเศษอาหาร ลดการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร

6.ลดค่าใช้จ่ายการการจัดเก็บขยะ เมื่อไม่มีขยะ ทางเทศบาลก็จะได้ไม่มีการเก็บขยะ และลดค่าใช้จ่ายในการทำลายขยะได้อีกด้วย โดยทุกเดือนจะมีการเก็บขยะ โดยแต่ละครัวเรือนจะต้องจ่ายค่าจัดเก็บขยะให้ทางเทศบาล ครัวเรือนละ 30 บาทต่อครัวเรือน แต่หากครัวเรือนที่มีขยะเป็นจำนวนมากจะเก็บเพิ่มเป็น 40 บาท ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บขยะต่อปีจะอยู่ที่ 360 บาท โดยประมาณ เพราะฉะนั้นถ้าแต่ละครัวเรือนมีการจัดเก็บขยะของแต่ละครัวเรือนหรือเปลี่ยนขยะจากเศษอาหารมาทำเป็นปุ๋ยได้ หรือการแยกขยะก่อนทิ้งก็จะทำให้ขยะในครัวเรือนลดลงได้ เป็นการลดรายจ่าย และนำขยะมาใช้ประโยชน์

7.รณรงค์งดใช้ถุงพลาสติก โดยให้ใช้ถุงผ้าแทน หรือวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดปัญหาถุงขยะพลาสติกในครัวเรือนลงได้ เน้นทุกครัวเรือนต้องช่วยกัน เพื่อจัดการกับปัญหาขยะประเภทพลาสติก

ความรู้/ทักษะที่สภาผู้นำชุมชนได้รับการพัฒนาแล้วคือ การทำงานร่วมกันของสภาผู้นำชุมชนการออกแบบสำรวจข้อมูล  การเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล และการนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้ในการพัฒนาชุมชน  สำหรับความรู้/ทักษะที่สภาผู้นำชุมชนมีความต้องการที่จะพัฒนาเพิ่มเติม ได้แก่ การจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากสภาผู้นำบางคนยังใช้การจัดเก็บเอกสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่คล่องมากนักจึงคุ้นชินกับการจัดเก็บข้อมูลแบบเป็นเอกสารซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญหายของข้อมูลได้  การวิเคราะห์ข้อมูล สืบเนื่องมาจากการจัดเก็บข้อมูลแบบเป็นเอกสาร จึงทำให้การรวบรวมข้อมูลเป็นไปค่อนข้างลำบาก

ด้านการบริหารจัดการชุมชน  การจัดทำแผนชุมชน และกระบวนการเลือกประเด็นมาดำเนินการ มีการจัดทำและนำแผนชุมชนพึ่งตนเองจากข้อมูลที่สภาผู้นำชุมชนร่วมกันวิเคราะห์ และมีการใช้แผนชุมชนพึ่งตนเองเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา และพัฒนาชุมชน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงข้อมูลแผนชุมชนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยสภาผู้นำชุมชนและคนในชุมชนดำเนินการร่วมกัน   การสื่อสารภายในชุมชน

มีการประชาสัมพันธ์ในด้านของข้อมูลข่าวสาร และความก้าวหน้าในการดำเนินการให้สมาชิกในชุมชนได้รับทราบอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ด้านการสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชน มีวิธีการสร้างการมีส่วนร่วมกับสภาผู้นำชุมชน โดยมีการจัดการประชุมของสภาผู้นำชุมชนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประเมินและติดตามความก้างหน้า และผลการดำเนินการของสภาผู้นำ รับฟังปัญหา และช่วยกันเสนอแนวทางการแก้ปัญหาของสภาผู้นำ และเพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้แก่สภาผู้นำอย่างสมเหตุผล ซึ่งการจัดให้มีการประชุมนั้นจุดประสงค์หลักคือ ต้องการให้สภาผู้นำชุมชนมีส่วนรวมในชุมชนได้อย่างเต็มที่และเข้าใจในหน้าที่การทำงานของตนมากขึ้น

วิธีการสร้างการมีส่วนร่วมกับสมาชิกในชุมชน โดยชุมชนบ้านนาบัวเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบถ้อยที่ถ้อยอาศัย จึงมักจะมีความเกรงใจทำให้คนในชุมชนไม่กล้าแสดงออก สภาผู้นำจึงจัดให้มีการจัดเวทีเสนา โดยจะให้คนในชุมชนเป็นผู้เสนอกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันในชุมชน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนในชุมชน รับฟังปัญหาและความต้องการของคนในชุมชน และให้คนในชุมชนร่วมกันแก้ไข ซึ่งผลที่ได้ทำให้คนในชุมชนกล้าแสดงออกและมีส่วนร่วมมากขึ้น สำหรับวิธีการสร้างการมีส่วนร่วมกับองค์กรภายนอก มีการจัดแกนนำเพื่อไปศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับชุมภายนอก มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่ชุมชนโดยการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้ เพื่อเสริมทักษะให้กับคนในชุมชน มีการประสานกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมความรู้ให้แก่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การจัดกิจกิจกรรมโดยการประสานงานกับองค์กรภายนอก ทำให้คนในชุมชนมีความกระตือรือร้น และสนใจในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ความสำเร็จและผลลัพธ์

สภาผู้นำขับสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ โดยใช้กลไกของสภาผู้นำชุมชนร่วมกับการมีส่วนร่วมชองคนในชุมชน เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในการรับรู้รับทราบถึงปัญหา ร่วมกับการจัดกระบวนการส่งเสริมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการทั้งในครัวเรือนและในชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยมีผลลัพธ์ความสำเร็จเชิงประเด็นที่กลไกสภาผู้นำชุมชนเป็นผู้ดำเนินงานผ่านแผนชุมชนที่ปรากฏเด่นชัดได้แก่ เกิดความร่วมมือของสภาผู้นำชุมชนและเทศบาลตำบลเมืองยาวในการจัดการขยะ  สภาผู้นำชุมชนมีการจัดเก็บข้อมูลสถานการณ์ขยะ การจัดทำฐานข้อมูลขยะของแต่ละครัวเรือน โดยใช้ google form เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการขยะในชุมชน ครัวเรือนในชุมชน  135 ครัวเรือนเกิดความรู้ ความเข้าใจในการจัดการขยะอย่างถูกวิธี ครัวเรือน  82 ครัวเรือน มีการคัดแยกขยะ ครัวเรือน 52 ครัวเรือน มีการนำขยะอินทรีย์มาทำปุ๋ยหมัก/น้ำหมักชีวภาพ เกิดครัวเรือนตัวอย่างในจัดการขยะ คัดแยกขยะ และใช้ประโยชน์จากขยะ 12 ครัวเรือน  ปริมาณขยะในชุมชนหลังจากดำเนินโครงการมีจำนวนลดลง ณ เดือนกันยายน 2565 คงเหลือ จำนวน 326 กิโลกรัมต่อวันเปรียบเทียบจากปริมาณขยะก่อนดำเนินโครงการ 733 กิโลกรัมต่อวัน  เกิดการเชื่อมประสานแผนพัฒนาหมู่บ้านกับแผนพัฒนาท้องถิ่นของเทศบาลตำบลเมืองยาว และเกิดการนำประเด็นการจัดการขยะบรรจุในเทศบัญญัติของเทศบาลตำบลเมืองยาวเพื่อการแก้ไขปัญหาขยะอย่างต่อเนื่อง

เงื่อนไข และปัจจัยที่ทำให้การดำเนินงานสามารถไปสู่ความสำเร็จ เกิดผลลัพธ์ตามประเด็นต่างๆ ประกอบด้วย

  1. ด้านแกนนำ สภาผู้นำชุมชนบ้านนาบัวมีแกนนำสภาที่เข้มแข็ง เป็นต้นแบบของการทำกิจกรรม และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนในทุกๆด้าน
  2. กลุ่ม/องค์กรต่างๆ ในชุมชน กลุ่มองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ องค์กรของกรมการปกครอง (กม.) ได้มีการนำเอาจุดแข็งขององค์กรเหล่านี้มาปรับใช้ เพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับองค์กรภาคประชาชน ให้สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ  รวมไปถึงกฎระเบียบ ที่คนในชุมชนสามารถกำหนดได้เอง ทำให้ก้าวไปสู่เป้าหมายได้เอง โดยอาศัยหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน เป็นผู้หนุนเสริมขุมชน

การสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงานภายในชุมชน

การวิเคราะห์ความเข้มแข็งการประเมินความเข้แข็งของชุมชน 9 มิติ

การสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงานภายในชุมชน โดยใช้ความเข้มแข็งการประเมินความเข้มแข็งของชุมชน 9 มิติ มาใช้ในการวิเคราะห์ ประกอบด้วย

1.การมีส่วนร่วม อยู่ในระดับที่ 5 สมาชิกชุมชนเข้าประชุมและร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 มีผู้แสดงความคิดเห็นร่วมตัดสินใจเรื่องการดำเนินงานและมีการเสนอและพิจารณาปัญหาใหม่รวมทั้งมีการร่วมติดตามประเมินผล

2.ผู้นำ อยู่ในระดับที่ 4 ทุกกลุ่มหรือองค์กรในชุมชนมีผู้นำที่ทำงานได้ดีมีการพัฒนาทักษะผู้นำและทำงานร่วมกับกลุ่มอื่นหรือองค์กรอื่นในชุมชนได้

3.โครงสร้างองค์กร อยู่ในระดับที่ 4 โครงสร้างสภาผู้นำชุมชนที่มีองค์ประกอบครบถ้วนและประชุมกันสม่ำเสมอและสภาผู้นำสามารถทำงานตามโครงการและสามารถประสานกับกลุ่มอื่นๆในชุมชนได้

4.การประเมินปัญหา อยู่ในระดับที่ 4 ชุมชนมีการเก็บและรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบนำมาวิเคราะห์และประเมินปัญหาเพื่อจัดทำแผนชุมชน

5.การระดมทรัพยากร อยู่ในระดับที่ 4 สภาผู้นำชุมชนมีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่สามารถระดมทรัพยากรจากภายในและภายนอกชุมชนได้

6.การเชื่อมโยงกับบุคคลและองค์กรภายนอกอยู่ในระดับที่ 5 สภาผู้นำชุมชนมีแผนชุมชนพึ่งตนเองที่กำหนดบุคคลหรือ องค์กรภายนอกที่ต้องขอความช่วยเหลือและได้รับความร่วมมือจากบุคคลหรือองค์กรภายนอกเช่นเทศบาลตำบลเมืองยาว โรงเรียนเมืองยาววิทยา สภาผู้นำชุมชนบ้านทุ่งหก ตัวแทนบ้านลุ่มกลาง และตัวแทนบ้านทุ่งพัฒนา เป็นต้น

7.การถามว่าทำไม อยู่ในระดับที่ 3 การประชุมสภาผู้นำชุมชนมีการถามว่า ทำไม เพื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังและสามารถแย้งคำตอบกันได้

8.ความสัมพันธ์กับพี่เลี้ยงอยู่ในระดับที่ 3 ในการดำเนินโครงการพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาสภาผู้นำชุมชนตามความจำเป็น

9.การบริหารจัดการอยู่ในระดับที่ 4 สภาผู้นำชุมชนบริหารจัดการได้โดยพี่เลี้ยงช่วยเหลืออย่างจำกัดสภาผู้นำชุมชนได้รับการเพิ่มทักษะการบริหารจัดการแล้ว

จุดอ่อนที่ชุมชนต้องพัฒนาต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้มแข็ง เป็นจุดอ่อนที่เนื่องจากสภาผู้นำชุมชนบ้านนาบัว ส่วนใหญ่มีอายุค่อนข้างมาก ทำให้บางคนยังใช้การจัดเก็บเอกสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่คล่องมากนัก ซึ่งเมื่อใช้วิธีจัดเก็บเอกสารแบบเดิมๆ อาจทำให้ข้อมูลตกหล่น อีกทั้งปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีในการสื่อสารมาใช้เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นเหตุให้ต้องพัฒนาต่อไป สำหรับความสามารถในการยกระดับเป็นพื้นที่เรียนรู้พบว่า สภาผู้นำชุมชมมีการ ออกแบบ วางแผน มีการดำเนินงานโดยสภาผู้นำชุมชน มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน มีการประชุมร่วมกันทุกเดือนมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการวางแผนการจัดกิจกรรม การแสดงความคิดเห็น ติดตามผลการดำเนินงาน   รวมถึงมีความสามารถในการขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการชุมชนน่าอยู่โดยการประสานกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสภาผู้นำชุมชนบ้านนาบัว มีศักยภาพในการถ่ายทอดความรู้ แนวคิด วิธีการ และประสบการณ์ให้แก่ชุมชนอื่นที่เข้ามาศึกษาดูงานในพื้นที่ได้ สามารถจัดทำและนำ

แผนชุมชนพึ่งตนเองจากข้อมูลที่สภาผู้นำชุมชนร่วมกันวิเคราะห์ และมีการใช้แผนชุมชนพึ่งตนเองเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา และพัฒนาชุมชน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงข้อมูลแผนชุมชนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยสภาผู้นำชุมชนและคนในชุมชนดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ชุมชนได้เกิดการเรียนรู้และสร้างกระบวนการแก้ไขปัญหาในลักษณะชุมชนพึ่งตนเอง ที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และยังจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชุมชนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบให้มีการนำเอาวิธีการและแนวทางขยายผลจนนำไปสู่การเป็นชุมชนน่าอยู่ที่มีการพึ่งพาตนเองในโอกาสต่อไป

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ