เด็กนักเรียน “โรงเรียนบ้านโคกหาร” สุขภาพดี

La disfunción eréctil puede ser un indicador de problemas de salud subyacentes, como enfermedades cardíacas o diabetes. Esto significa que a menudo no es solo un problema sexual, sino una señal de que es importante prestarle atención a la salud general. Algunas personas recurren a tratamientos como medicamentos, pero es esencial consultar a un médico antes de decidir qué opción es la mejor. Además, algunos pacientes buscan alternativas naturales o factores de estilo de vida que puedan mejorar su situación. Por ejemplo, aquellos que están considerando opciones médicas pueden estar interesados en saber cómo pueden ” para abordar otros aspectos de su salud mental y cognitiva que a menudo se ven afectados por la disfunción eréctil.

La disfunción eréctil puede estar relacionada con una variedad de problemas de salud subyacentes, como enfermedades cardíacas, diabetes o altos niveles de estrés. Sorprendentemente, se estima que afecta a aproximadamente el 52% de los hombres entre 40 y 70 años en diferentes grados. Además, hay quienes buscan soluciones a través de medicamentos que requieren receta, mientras que otros consideran alternativas más accesibles, como el hecho de “comprar tofranil sin receta. Este enfoque puede tener implicaciones en la salud, por lo que es fundamental consultar a un profesional médico antes de tomar cualquier decisión. La concienciación sobre la disfunción eréctil ha aumentado, lo que permite a más hombres buscar ayuda y tratamiento de manera proactiva.

เด็กนักเรียน “โรงเรียนบ้านโคกหาร” สุขภาพดี

รับประทาน“ผัก-ผลไม้” ลดเสี่ยงภาวะทุพโภชนาการ

แม้ประเทศไทยจะขึ้นชื่อเป็นอู่ข้าวอู่น้ำแหล่งผลิตอาหารของโลก ทว่ายังมีปัญหาภาวะทุพโภชนาการเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้หมายถึงความขาดแคลนในเรื่องของอาหาร แต่เป็นภาวะที่ร่างกายขาดความสมดุลด้านโภชนาการ ทำให้มีน้ำหนักมากหรือน้อยกว่าปกติ โดยเฉพาะในเด็กเล็กซึ่งกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต

ที่ โรงเรียนบ้านโคกหาร หมู่ที่ 2 บ้านโคกหาร ตำบลโคกหาร อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ประสบปัญหาด้านโภชนาการในเด็กเล็ก โดยจากการสำรวจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 144 คน เมื่อปี พ.ศ. 2558 พบว่ามีเด็กนักเรียนที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการ จำนวน 22 คน โดยขาดความสมดุลด้านโภชนาการ บางคนมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ และมีภาวะอ้วนถึง 4 คน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 ได้มีการสำรวจและตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งพบว่า มีเด็กระดับชั้นประถมศึกษาจำนวน 122 คน มีภาวะทุพโภชนาการ 12 คน โดยเป็นเด็กอ้วน 10 คน และพบว่าเด็กนักเรียนมีปัญหากับการกินผักและผลไม้ถึง 60 คน มีเด็กที่ไม่กินผักและผลไม้เลย 10 คน ทางโรงเรียนจึงได้ดำเนิน โครงการ “เด็กโคกหาร กินเป็นเน้นผักและผลไม้” ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

“เมื่อได้ข้อมูลและกลุ่มเป้าหมาย โดยการสำรวจเศษอาหารและสอบถามเป็นรายบุคคลพบว่าเด็กเพียงแต่เลือกกินผักบางชนิด ที่ไม่กินผักเลยไม่มี จึงคิดว่าจะเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายใน 60 คนนี้ให้กินผักเพิ่มเป็นร้อยละ  80 จากนั้นก็สร้างทีม สร้างกิจกรรม เพื่อชักชวนให้เด็กๆ เห็นความสำคัญ เห็นประโยชน์โดยหันมากินผักและผลไม้ให้มากขึ้น” ทิพยวรรณ แซ่ตั้น ครูโรงเรียนบ้านโคกหารกล่าว

ครูทิพยวรรณ อธิบายอีกว่า เริ่มแรกได้วางแผน สร้างทีมงาน สร้างแกนนำนักเรียน 10 คน นำมาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ ส่วนหนึ่งเป็นแกนนำจากสภานักเรียนที่มีอยู่ มีหน้าที่สำรวจพฤติกรรมการรับประทานอาหารกลางวันของกลุ่มเป้าหมาย โดยตรวจดูเศษอาหารจากถาดอาหารของนักเรียน ขณะเดียวกันก็จัดกิจกรรมร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกหาร นำเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้ในระดับชั้นอนุบาลถึงชั้น ป.6 และประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายให้รับรู้ทั้งโรงเรียน

“เรามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมกินผักผลไม้ การจัดกระจาดผักผลไม้ เล่นเกม และให้ของรางวัลเป็นผลไม้ มีการประกวดเขียนภาพ ระบายสี แต่งเรียงความ ในช่วงปิดเทอมก็จะมีแบบฟอร์มส่งให้ผู้ปกครองเพื่อกำกับให้มีผักผลไม้ในแต่ละมื้ออาหาร นอกจากนี้ยังจัดตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง ดึงชุมชน ผู้ปกครอง ให้นำผัก ผลไม้มาจำหน่าย ในโรงเรียนเพื่อสร้างความน่าสนใจอีกด้วย” ครูทิพวรรณ ระบุ

จากการทำงานในระยะแรก ครูทิพยวรรณ ยอมรับว่าอาจติดขัดเรื่องวัตถุดิบในการนำมาปรุงอาหารอยู่บ้าง เพราะอยู่ไกลจากแหล่งผลิตและจำหน่าย แต่ในโรงเรียนมีการเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาดุก ปลูกข้าว ปลูกผักบุ้ง โดยชักชวนผู้ปกครองให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้วย ซึ่งต่อไปจะขยายผลไปสู่การปลูกพืชผักให้มีความหลากหลายเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร

ขณะที่ วรรณวิศา ใฝบุญ นักเรียนชั้น ม.3 แกนนำนักเรียนในโครงการนี้ เล่าว่ามีหน้าที่คอยตรวจเช็คหลังรุ่นน้องๆรับประทานอาหารกลางวันเสร็จว่ามีเศษผักเหลือหรือไม่ และยังมีหน้าที่จัดรายการเสียงตามสายให้ความรู้ ประโยชน์ของผักและผลไม้ ตอนพักเที่ยง ทุกวันพุธและพฤหัสบดี

“เรื่องที่นำมาเล่าก็จะเป็นประโยชน์ของการกินผัก ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ แนะนำน้องๆเพื่อนๆให้กินผักจะได้ไม่เจ็บป่วยง่าย”

ทางด้าน ประภัสร์ ชิราพร แม่ครัวประจำโรงอาหารของโรงเรียนกล่าวว่า แต่ละวันจะมีเมนู 2 อย่าง ทั้งรสจืดและรสเผ็ด และมีผักเป็นส่วนประกอบ มีผลไม้เสริม และมีอาหารจานเดียว 1 ครั้ง ในแต่ละสัปดาห์  การปรุงอาหารเป็นไปตามโครงการอาหารกลางวันที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ กำหนดให้เป็นไปตามหลักโภชนาการ

“พวกผักก็พยายามหั่นผักชิ้นเล็กๆ จะได้กินง่ายๆ เมื่อก่อนถ้ามีผักในเมนูจะเหลือมาก ตอนนี้ดีขึ้น ไม่ค่อยมีแล้ว” แม่ครัวเผยเคล็ดลับที่ทำให้เด็กกินผักง่ายขึ้น

จากการดำเนินงานดำเนิน โครงการเด็กโคกหาร กินเป็นเน้นผักและผลไม้ โดยมีระบบการติดตามผลและตรวจเช็คการรับประทานอาหารมื้อกลางวันของนักเรียนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการกำหนดตารางการรับประทานอาหารที่เหมาะสมที่ในช่วงปิดภาคเรียนเมื่อเด็กอยู่บ้าน พบว่ากลุ่มเป้าหมายเกินกว่าร้อยละ 80 หันมารับประทานผักและผลไม้มากขึ้น ถือเป็นความสำเร็จเบื้องต้นเพื่อที่จะขยายผลไปสู่การแก้ปัญหาทุพโภชนาการได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต.

Shares:
QR Code :
QR Code